ประเด็นสำคัญ
- อัตราการวินิจฉัยออทิสซึมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1 ใน 36 ของเด็กในสหรัฐฯ และมีการวินิจฉัยได้เร็วขึ้น
- งานวิจัยของ Dr. Karen Parker ชี้ว่าระดับฮอร์โมนวาโซเพรสซิน (Vasopressin) ในน้ำไขสันหลัง (CSF) อาจเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของออทิสซึม และระดับที่ต่ำลงมีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของอาการทางสังคม
- การทดลองทางคลินิกเบื้องต้นพบว่า การให้วาโซเพรสซินทางจมูกช่วยเพิ่มความสามารถทางสังคมในเด็กออทิสซึมได้อย่างมีนัยสำคัญ และอาจลดความวิตกกังวลและพฤติกรรมซ้ำๆ ได้
- การค้นพบว่าทารกที่ต่อมาเป็นออทิสซึมมีระดับวาโซเพรสซินใน CSF ต่ำตั้งแต่แรกเกิด ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและศักยภาพของการแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ
ในโลกของประสาทวิทยา ภาวะออทิสซึม (Autism Spectrum Disorder: ASD) ยังคงเป็นความลึกลับที่ท้าทายนักวิจัยทั่วโลก ในพอดคาสต์ Huberman Lab ตอนนี้ Andrew Huberman ได้เชิญ Dr. Karen Parker ผู้อำนวยการโครงการวิจัยประสาทสังคมวิทยาจาก Stanford University School of Medicine มาเจาะลึกถึงสาเหตุ การวินิจฉัย และที่สำคัญที่สุดคือแนวทางการรักษาใหม่ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยออทิสซึม
อัตราการเกิดและวินิจฉัยออทิสซึมที่เพิ่มขึ้น
Dr. Parker ชี้ให้เห็นว่าอัตราการวินิจฉัยออทิสซึมในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จาก 1 ใน 80 เมื่อไม่กี่ปีก่อน มาเป็น 1 ใน 36 ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการวินิจฉัยที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น (จากอายุ 9-10 ปี เป็น 2-3 ปี) ออทิสซึมยังคงพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 3-4 ต่อ 1 โดยการวินิจฉัยยังคงอาศัยการสังเกตพฤติกรรมเป็นหลัก โดยดูจากสองลักษณะสำคัญคือ ปัญหาในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และพฤติกรรมซ้ำๆ ที่จำกัด นอกจากนี้ยังอาจมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น ความวิตกกังวล ปัญหาด้านการรับรู้ทางประสาทสัมผัส และการนอนหลับ
ความท้าทายในการศึกษาและแบบจำลองสัตว์
การทำความเข้าใจพื้นฐานทางชีวภาพของออทิสซึมเป็นเรื่องยาก เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่เข้าถึงได้จำกัด อีกทั้งแบบจำลองสัตว์ เช่น หนู มักมีข้อจำกัดในการจำลองพฤติกรรมทางสังคมที่ซับซ้อนของมนุษย์ ทำให้ยาหลายชนิดที่ประสบความสำเร็จในการทดลองในหนู ล้มเหลวในการทดลองทางคลินิกในมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ Dr. Parker จึงหันมาพัฒนาแบบจำลองลิง (Rhesus Macaques) ซึ่งมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่า ในการศึกษาพฤติกรรมทางสังคม
ออกซิโตซิน (Oxytocin): ฮอร์โมนแห่งความรัก?
ออกซิโตซิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'ฮอร์โมนแห่งความรัก' มีบทบาทสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์ทางสังคมและการดูแลลูกในสัตว์หลายชนิด Dr. Parker พบว่าในการทดลองเบื้องต้น เด็กออทิสซึมที่มีระดับออกซิโตซินในเลือดต่ำตั้งแต่แรกเริ่ม จะได้รับประโยชน์จากการให้ฮอร์โมนนี้ทางจมูกมากกว่า อย่างไรก็ตาม การทดลองขนาดใหญ่หลายแห่งกลับไม่พบผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทำให้การวิจัยออกซิโตซินในฐานะการรักษาออทิสซึมต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเงินทุน
วาโซเพรสซิน (Vasopressin): ความหวังใหม่ในการรักษาออทิสซึม
Dr. Parker ได้เปลี่ยนความสนใจมาที่วาโซเพรสซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่คล้ายคลึงกับออกซิโตซินอย่างมาก งานวิจัยในหนูโวลล์ (voles) แสดงให้เห็นว่าวาโซเพรสซินมีบทบาทสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์คู่และการดูแลลูกในเพศผู้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ
จากลิงสู่มนุษย์: วาโซเพรสซินในน้ำไขสันหลัง
ในแบบจำลองลิงของ Dr. Parker เธอพบว่าระดับวาโซเพรสซินในน้ำไขสันหลัง (Cerebral Spinal Fluid: CSF) ซึ่งเป็นของเหลวที่หล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง สามารถทำนายพฤติกรรมทางสังคมของลิงได้อย่างแม่นยำถึง 93% โดยลิงที่มีวาโซเพรสซินใน CSF ต่ำ จะมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมน้อยลง
การค้นพบนี้ถูกนำมาทดสอบในมนุษย์ โดยการวิเคราะห์ CSF จากเด็กออทิสซึมและเด็กที่ไม่เป็นออทิสซึม Dr. Parker พบว่าเด็กออทิสซึมมีระดับวาโซเพรสซินใน CSF ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง และระดับที่ต่ำลงนี้มีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของอาการทางสังคมโดยเฉพาะ ไม่ใช่พฤติกรรมซ้ำๆ
ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น คือการศึกษา CSF จากทารกแรกเกิดที่ต่อมาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสซึม พบว่ามีระดับวาโซเพรสซินใน CSF ต่ำตั้งแต่แรกเกิด แสดงให้เห็นว่าภาวะขาดวาโซเพรสซินอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเหล่านี้มีวิถีการพัฒนาที่แตกต่างออกไป และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของการแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ
ผลลัพธ์จากการทดลองทางคลินิก
Dr. Parker และทีมงานได้ทำการทดลองทางคลินิกแบบควบคุมด้วยยาหลอก โดยให้วาโซเพรสซินทางจมูกแก่เด็กออทิสซึม (อายุ 6-12 ปี) เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง เด็กที่ได้รับวาโซเพรสซินแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางสังคมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากการรายงานของพ่อแม่ การประเมินของแพทย์ และการทดสอบในห้องปฏิบัติการ บางรายยังพบว่าความวิตกกังวลและพฤติกรรมซ้ำๆ ลดลงด้วย
ผลลัพธ์นี้ตรงกันข้ามกับการทดลองของบริษัทยาขนาดใหญ่ที่พยายามใช้ยาที่ ยับยั้ง ตัวรับวาโซเพรสซิน ซึ่งล้มเหลวในการรักษาออทิสซึม สะท้อนให้เห็นว่าการ เพิ่ม ระดับวาโซเพรสซินในสมองอาจเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ความเชื่อมโยงกับไมโครไบโอมและอนาคตการรักษา
งานวิจัยในหนูชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่น่าสนใจระหว่างไมโครไบโอมในลำไส้กับการผลิตออกซิโตซินและวาโซเพรสซินในสมอง โดยการให้ Probiotics สามารถปรับปรุงพฤติกรรมทางสังคมและเพิ่มการแสดงออกของยีนฮอร์โมนเหล่านี้ในไฮโปทาลามัส ซึ่งอาจผ่านกลไกของเส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve) ที่เชื่อมโยงระหว่างลำไส้และสมอง นี่อาจเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการกระตุ้นการผลิตวาโซเพรสซินตามธรรมชาติ
ข้อถกเถียงเรื่องวัคซีนกับออทิสซึม
Dr. Parker ได้กล่าวถึงข้อถกเถียงเรื่องวัคซีนกับออทิสซึม โดยย้ำว่างานวิจัยที่อ้างว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของออทิสซึมนั้นถูกหักล้างและพบว่าเป็นการฉ้อโกงข้อมูล การศึกษาจำนวนมากไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนและการเกิดออทิสซึม แม้ว่าความกังวลของพ่อแม่ยังคงมีอยู่ แต่ประเด็นนี้ก็กระตุ้นให้เกิดการศึกษาบทบาทของระบบภูมิคุ้มกันในออทิสซึมมากขึ้น
งานวิจัยของ Dr. Karen Parker เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการทำความเข้าใจและรักษาออทิสซึม โดยเฉพาะบทบาทของวาโซเพรสซินที่อาจเป็นกุญแจสำคัญ การแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ ในช่วงที่สมองยังมีความยืดหยุ่นสูง อาจเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเด็กๆ ได้อย่างมหาศาล
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเพิ่มเติม สามารถรับชมวิดีโอต้นฉบับฉบับเต็มของ Andrew Huberman ได้ที่ลิงก์ด้านบน เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดและงานวิจัยที่น่าตื่นเต้นนี้