กัญชา: ผลกระทบต่อสมอง สุขภาพจิต และความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้ | Andrew Huberman x Dr. Matthew Hill

วันนี้เรามาสรุปคลิปจากช่อง Andrew Huberman ที่พูดถึงเรื่อง 'กัญชาส่งผลต่อสุขภาพและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร' ซึ่งเป็นบทสนทนาเชิงลึกกับ Dr. Matthew Hill ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาของกัญชาจาก University of Calgary คลิปนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่ต้องการทำความเข้าใจสารประกอบที่ซับซ้อนนี้อย่างรอบด้าน

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • กัญชามีสารออกฤทธิ์หลักคือ THC ที่ทำให้เกิดผลทางจิตประสาท และ CBD ที่ไม่ทำให้มึนเมา รวมถึงสาร Terpenes ที่ให้กลิ่นและรสชาติ
  • ระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ในสมองทำหน้าที่รักษาสมดุล (Homeostasis) โดย THC จะออกฤทธิ์กระตุ้นตัวรับ CB1 ทั่วสมองอย่างไม่จำเพาะเจาะจง ซึ่งต่างจากสารเอนโดแคนนาบินอยด์ตามธรรมชาติ
  • การใช้กัญชาแบบสูบหรือสูดดมทำให้เกิดผลเร็วและผู้ใช้มักควบคุมปริมาณได้ดี แต่การกิน (Edibles) ออกฤทธิ์ช้าและนานกว่า เสี่ยงต่อการใช้เกินขนาด ส่วนสารสกัดเข้มข้น (Concentrates) มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากควบคุมปริมาณได้ยาก
  • กัญชาสามารถนำไปสู่ Cannabis Use Disorder (การใช้กัญชาผิดปกติ) ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้รายสัปดาห์ และควรหลีกเลี่ยงหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคจิตเภทหรือไบโพลาร์
  • ความเชื่อมโยงระหว่างกัญชากับโรคจิตเภทนั้นซับซ้อน กัญชาอาจเป็น 'เชื้อเพลิงบนกองไฟ' ที่เร่งการเกิดอาการในผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม แต่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดโรค
  • ประโยชน์ที่ผู้คนอ้างถึงของ CBD ในผลิตภัณฑ์ทั่วไปส่วนใหญ่เป็นผลจากยาหลอก (Placebo Effect) เนื่องจากปริมาณที่ใช้ในทางคลินิกเพื่อรักษาโรคลมชักนั้นสูงมาก และมีชีวปริมาณออกฤทธิ์ (Bioavailability) ต่ำ
  • ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการใช้กัญชา ได้แก่ ความเสียหายต่อปอดจากการสูบ การทำงานของหัวใจและหลอดเลือดที่เปลี่ยนแปลงไป และอาการอาเจียนเป็นวงจร (Cyclic Vomiting Syndrome) ที่หายาก

ในโลกที่กัญชากำลังถูกทำให้ถูกกฎหมายและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การทำความเข้าใจผลกระทบที่แท้จริงต่อสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ Andrew Huberman ได้เชิญ Dr. Matthew Hill ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาของกัญชามาพูดคุยเพื่อไขข้อสงสัยต่างๆ บทความนี้จะสรุปประเด็นสำคัญจากบทสนทนาของพวกเขา

กัญชาคืออะไร และทำงานอย่างไร?

กัญชาเป็นพืชที่มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ จิตวิญญาณ และสันทนาการ สารออกฤทธิ์หลักคือ Delta-9 Tetrahydrocannabinol (THC) ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดผลทางจิตประสาท (Psychoactive Effects) เช่น ความรู้สึกสบาย (Euphoria) การเปลี่ยนแปลงการรับรู้ และการหิว (Munchies) นอกจากนี้ยังมี Cannabidiol (CBD) ซึ่งไม่ทำให้มึนเมา และ Terpenes ซึ่งเป็นสารที่ให้กลิ่นและรสชาติ

ระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ (Endocannabinoid System) ในสมองของเรามีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุล (Homeostasis) ของร่างกายและจิตใจ โดยมีตัวรับ CB1 และ CB2 รวมถึงสารเอนโดแคนนาบินอยด์ตามธรรมชาติ เช่น Anandamide (โมเลกุลแห่งความสุข) และ 2-AG ที่ทำหน้าที่ควบคุมการส่งสัญญาณประสาท THC จะออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นตัวรับ CB1 ทั่วสมองอย่างไม่จำเพาะเจาะจง ซึ่งต่างจากสารเอนโดแคนนาบินอยด์ตามธรรมชาติที่ออกฤทธิ์แบบเฉพาะจุดและมีบทบาทในการควบคุมที่ละเอียดอ่อนกว่า

กัญชาส่งผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร?

ความอยากอาหาร (The Munchies)

กัญชาสามารถกระตุ้นความอยากอาหารได้อย่างมาก กลไกเกี่ยวข้องกับการควบคุมวงจรการกินในสมอง การกระตุ้นระบบรางวัล และการเพิ่มการรับรู้รสหวาน นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งสัญญาณความอิ่ม เช่น เลปติน (Leptin) ทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนกำลังอดอาหารและกระตุ้นให้กินอาหารที่มีแคลอรี่สูง

ความจำและสมาธิ

กัญชาทำให้เกิดความบกพร่องของความจำระยะสั้นในขณะที่มึนเมา แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการใช้กัญชาเป็นประจำจะส่งผลต่อความจำในระยะยาวเมื่อไม่ได้รับสาร อย่างไรก็ตาม อาจเกิดการเรียนรู้แบบพึ่งพาสภาวะ (State-Dependent Learning) ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ประจำอาจทำงานบางอย่างได้ดีภายใต้ฤทธิ์ของกัญชา

วิธีการใช้และปริมาณ (Dosing)

การสูบหรือสูดดมกัญชา (Inhalation) จะออกฤทธิ์เร็ว (2-5 นาที) และสูงสุดภายใน 15-30 นาที ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะควบคุมปริมาณได้เอง (Self-Titrate) เพื่อให้ได้ระดับความมึนเมาที่ต้องการ ในทางกลับกัน การกินกัญชา (Edibles) ออกฤทธิ์ช้ากว่ามาก (30-90 นาที) และนานกว่า (4-8 ชั่วโมง) ซึ่งเสี่ยงต่อการใช้เกินขนาดเนื่องจากผู้ใช้อาจคิดว่ายังไม่ได้รับสารเพียงพอแล้วเพิ่มปริมาณ

สารสกัดกัญชาเข้มข้น (Concentrates) เช่น Dabs หรือ Distillates มีปริมาณ THC สูงมาก (ถึง 98%) ทำให้ควบคุมปริมาณได้ยากและเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและภาวะดื้อยาอย่างรุนแรง Dr. Hill เน้นย้ำว่านี่คือประเด็นด้านสาธารณสุขที่น่ากังวลที่สุด

การตรวจสารกัญชาในร่างกาย

THC เป็นสารที่ละลายในไขมัน จึงสามารถสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อไขมันได้นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน การออกกำลังกายหรือการลดน้ำหนักอาจทำให้ THC ที่เก็บไว้ถูกปล่อยกลับเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้สามารถตรวจพบได้อีกครั้งแม้จะหยุดใช้ไปแล้วก็ตาม

กัญชาเสพติดได้หรือไม่?

ใช่ กัญชาสามารถนำไปสู่ Cannabis Use Disorder (CUD) ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้เป็นประจำทุกสัปดาห์ (ประมาณ 30%) อาการรวมถึงการหมกมุ่น การกระทำที่เสี่ยง และอาการหงุดหงิดเมื่อไม่ได้รับสาร

กัญชาและสุขภาพจิต: ความจริงที่ซับซ้อน

ภาวะทางจิต (Psychosis) และโรคจิตเภท (Schizophrenia)

กัญชาสามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะทางจิตเฉียบพลัน (Acute Psychotic Episode) ได้ แต่เป็นกรณีที่ค่อนข้างหายาก อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมโยงระหว่างกัญชากับโรคจิตเภทเป็นประเด็นที่ซับซ้อน Dr. Hill นำเสนอแนวคิดว่ากัญชาเป็น 'เชื้อเพลิงบนกองไฟ' (Fuel on a Fire) หมายความว่าในผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคจิตเภทอยู่แล้ว การใช้กัญชาอาจเร่งให้เกิดอาการเร็วขึ้นและทำให้อาการแย่ลง แต่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดโรค

Dr. Hill ให้เหตุผลว่าหากกัญชาเป็นสาเหตุโดยตรง อัตราการเกิดโรคจิตเภทควรจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อการใช้กัญชาแพร่หลายขึ้น แต่ข้อมูลทางระบาดวิทยาไม่แสดงแนวโน้มดังกล่าว นอกจากนี้ การศึกษาทางพันธุกรรมยังชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อโรคจิตเภทมีแนวโน้มที่จะใช้กัญชามากกว่า

คำแนะนำ: ผู้ที่มีประวัติส่วนตัวหรือประวัติครอบครัวเป็นโรคจิตเภทหรือไบโพลาร์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้กัญชาอย่างเด็ดขาด

ความวิตกกังวล (Anxiety)

กัญชามีผลแบบสองระยะ (Biphasic Effect) ต่อความวิตกกังวล: ในปริมาณต่ำอาจช่วยลดความวิตกกังวลและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ในปริมาณสูงอาจกระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวลหรืออาการตื่นตระหนกได้ กลไกนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมสัญญาณประสาททั้งแบบกระตุ้นและยับยั้งในสมอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้ THC ในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยปรับสมดุลของวงจรความวิตกกังวลในบางคนได้

Indica vs. Sativa: ความคาดหวังหรือความจริง?

Dr. Hill ย้ำว่าคำว่า Indica และ Sativa เป็นเพียงคำทางพฤกษศาสตร์ที่อ้างถึงลักษณะทางกายภาพของพืช ไม่ได้สะท้อนถึงองค์ประกอบทางเคมีหรือผลกระทบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่รายงานผลลัพธ์ที่แตกต่างกันระหว่างสายพันธุ์เหล่านี้มักเกิดจาก 'อคติจากความคาดหวัง' (Expectancy Bias) หรือ 'ผลจากยาหลอก' (Placebo Effect) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สมองตีความและสร้างประสบการณ์ตามสิ่งที่คาดหวัง

CBD: สารประกอบมหัศจรรย์หรือผลจากยาหลอก?

CBD ไม่ได้จับกับตัวรับ CB1 โดยตรง และไม่มีตัวรับเฉพาะสำหรับ CBD โดยตรง กลไกการออกฤทธิ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดอย่างหนึ่งคือการยับยั้งการดูดซึม Adenosine ซึ่งทำให้มี Adenosine สะสมมากขึ้นและออกฤทธิ์เป็นยาคลายเครียด (Sedative) ซึ่งคล้ายกับ 'การต้านคาเฟอีน'

CBD มีประโยชน์ทางการแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการรักษาโรคลมชักในเด็กบางชนิด (เช่น Dravet Syndrome) แต่ต้องใช้ในปริมาณที่สูงมาก (1,500-2,000 มก.) และมีชีวปริมาณออกฤทธิ์ (Bioavailability) ต่ำมากเมื่อรับประทาน (ประมาณ 4%) Dr. Hill ตั้งข้อสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ CBD เชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่มีปริมาณ CBD ต่ำมาก (2-25 มก.) ซึ่งไม่เพียงพอที่จะให้ผลทางชีวภาพที่สำคัญได้ ดังนั้น ประโยชน์ส่วนใหญ่ที่ผู้ใช้ทั่วไปรายงานจึงมักเป็นผลจากยาหลอก

ความเสี่ยงและอันตรายต่อสุขภาพ

  • ความเสียหายต่อปอด: การสูบกัญชาทำให้เกิดความเสียหายต่อปอดได้เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับมะเร็งปอดในลักษณะเดียวกัน
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: THC ทำให้หลอดเลือดขยายตัว (Vasodilation) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (Postural Hypotension) และหัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia) ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจควรหลีกเลี่ยง
  • Cannabinoid Hyperemesis Syndrome (CHS): เป็นอาการหายากที่ผู้ใช้กัญชาเรื้อรังบางรายมีอาการอาเจียนอย่างรุนแรงและไม่สามารถหยุดได้ อาการมักจะดีขึ้นเมื่ออาบน้ำร้อน
  • การขับขี่: กัญชาส่งผลต่อการตอบสนอง การตัดสินใจ และการรับรู้เวลา ไม่ควรขับขี่หรือใช้เครื่องจักรขณะมึนเมา

ประโยชน์ทางการแพทย์ที่อิงหลักฐาน

แม้จะมีข้อกังวล แต่กัญชาก็มีประโยชน์ทางการแพทย์บางประการที่ได้รับการสนับสนุนจากข้อมูล:

  • อาการปวดเรื้อรัง: กัญชาอาจช่วยลดองค์ประกอบทางอารมณ์ของความเจ็บปวด ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับมือกับอาการปวดได้ดีขึ้นและนอนหลับได้ดีขึ้น
  • ความวิตกกังวล: ในปริมาณที่เหมาะสม อาจช่วยลดความวิตกกังวลได้
  • ฝันร้ายจาก PTSD: THC (เช่น Nabilone) ได้รับการแสดงให้เห็นว่าสามารถยับยั้งฝันร้ายในผู้ป่วย PTSD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
  • ต้อหิน: สามารถลดความดันในตาได้ชั่วคราว

เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Dr. Matthew Hill มีความละเอียดสูงและอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ การทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้กัญชาได้อย่างรอบคอบและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรวจบทความเชิงลึกอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของเรา