ไขความลับเคมีอาหาร: กินอย่างไรให้ฟินยิ่งขึ้น กับ Dr. Harold McGee ผู้เชี่ยวชาญด้านรสชาติ

วันนี้เราจะมาสรุปบทสนทนาสุดเข้มข้นจากช่อง Andrew Huberman Lab Podcast กับ Dr. Harold McGee ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีอาหารระดับโลก ที่จะพาคุณไปสำรวจโลกแห่งรสชาติ การปรุงอาหาร และวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความอร่อยที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน! เตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนมุมมองการกินของคุณไปตลอดกาล

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • เครื่องครัวมีผลต่อรสชาติอาหารอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น ชามทองแดงกับการตีไข่ขาวที่ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างมหาศาล
  • ความร้อนเปลี่ยนโมเลกุลในอาหารให้เกิดรสชาติและกลิ่นใหม่ๆ ที่เราสัมผัสได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปรุงอาหาร
  • รสอูมามิ (Umami) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในปาก แต่อาจมีตัวรับรสในระบบทางเดินอาหารด้วย ทำให้เรารู้สึกถึงความอิ่มและรสชาติที่ยาวนาน
  • การกินช้าๆ และใส่ใจในแต่ละคำจะช่วยให้เราสัมผัสรสชาติที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงในปากได้เต็มที่ รวมถึงรสชาติที่ยังคงอยู่หลังกลืน
  • รสนิยมส่วนบุคคลสามารถฝึกฝนและปรับเปลี่ยนได้ เช่น การลดความเค็มหรือความชอบรสขม ซึ่งจะช่วยเปิดประสบการณ์รสชาติที่หลากหลายมากขึ้น

ในโลกที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กำลังเปลี่ยนแปลงมุมมองของเราในทุกด้าน แม้กระทั่งเรื่องใกล้ตัวอย่าง “อาหาร” และ “รสชาติ” ก็ยังซ่อนเร้นความลับทางเคมีอันน่าทึ่งอยู่ Andrew Huberman ได้เชิญ Dr. Harold McGee ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีอาหารชื่อดังระดับโลก ผู้ที่ใช้เวลากว่าสี่ทศวรรษในการค้นคว้าและเขียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เบื้องหลังอาหารและการปรุงอาหาร มาไขความกระจ่างในเรื่องนี้

ชามทองแดง: เคล็ดลับจากครัวโบราณที่วิทยาศาสตร์รับรอง

Dr. McGee เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันน่าทึ่งของเขา ด้วยการตั้งคำถามกับความเชื่อเก่าๆ ในครัว เขาพบว่าการใช้ชามทองแดงตีไข่ขาวเพื่อทำเมอแรงก์หรือซูเฟล่ ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมหาศาลในด้านสี เนื้อสัมผัส และความสม่ำเสมอในปาก ที่น่าสนใจคือ แม้จะไม่มีคำอธิบายทางเคมีในตอนแรก แต่เชฟชาวฝรั่งเศสก็ใช้เทคนิคนี้มานานหลายศตวรรษ ซึ่งต่อมาพบว่าทองแดงมีคุณสมบัติยับยั้งการสลายตัวของซูโครสเป็นกลูโคสและฟรุกโตส ทำให้ทองแดงถูกนำมาใช้ในการทำแยมและเจลลี่ด้วย นี่คือตัวอย่างของ “อัจฉริยะโดยไม่รู้ตัว” ที่นักวิทยาศาสตร์บางครั้งมองข้ามไป

ความร้อน: ผู้สร้างสรรค์รสชาติ

การใช้ความร้อนในการปรุงอาหารเป็นหัวใจสำคัญในการปลดล็อกรสชาติ Dr. McGee อธิบายว่าความร้อนจะสลายโมเลกุลขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้กลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่เราสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทรับรสและกลิ่น ปฏิกิริยา Maillard ที่ทำให้เกิดสีน้ำตาลบนเนื้อสัตว์ ไม่เพียงแต่สร้างกลิ่นหอม แต่ยังสร้างโมเลกุลน้ำตาลและสารประกอบอื่นๆ ที่กระตุ้นต่อมรับรสของเรา ทำให้เนื้อดิบที่จืดชืดกลายเป็นอาหารที่อร่อยล้ำ

อูมามิ: ความอิ่มเอมใจที่กระจายไปทั่วร่างกาย

รสอูมามิ หรือรสกลมกล่อม เป็นรสชาติที่ห้าที่ชาวญี่ปุ่นค้นพบและได้รับการยอมรับในโลกตะวันตกในภายหลัง Dr. McGee อธิบายว่าอูมามิให้ความรู้สึก “อิ่มเต็ม” และ “ยาวนาน” ในปาก แต่ Andrew Huberman ยังตั้งข้อสังเกตว่ารสอูมามิอาจส่งผลต่อร่างกายลึกซึ้งกว่านั้น โดยอาจมีตัวรับรสอูมามิอยู่ในระบบทางเดินอาหารของเราด้วย ซึ่งเชื่อมโยงกับความรู้สึกพึงพอใจและรางวัลทางชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โปรตีนหาได้ยาก

กินช้าๆ เพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริง

Dr. McGee เน้นย้ำว่าการกินช้าๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินกับอาหารอย่างเต็มที่ เพราะในปากของเรามีเอนไซม์ที่สามารถสลายโมเลกุลของอาหารให้เกิดรสชาติและกลิ่นใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งหลังกลืนไปแล้ว การหยุดพักระหว่างคำหรือระหว่างประเภทอาหารจะช่วยให้เราสัมผัสรสชาติที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเต็มที่

รสนิยมส่วนบุคคลและการปรับตัว

รสนิยมของเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าเราสามารถฝึกฝนตนเองให้ลดความชอบในรสเค็มหรือเพิ่มความชอบในรสขมได้ เช่นเดียวกับ Andrew Huberman ที่เริ่มชอบรสขมของเมล็ดโกโก้ดิบ การเปิดใจลองอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก อาจช่วยให้เราสัมผัสรสชาติธรรมชาติที่หลากหลายและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ความลับของกาแฟ ชา และอาหารหมัก

การบดเมล็ดกาแฟที่เหมาะสม อุณหภูมิน้ำ และระยะเวลาการสกัด ล้วนส่งผลต่อรสชาติของกาแฟอย่างมหาศาล โดยโมเลกุลขนาดใหญ่ที่สกัดออกมานานเกินไปมักทำให้กาแฟมีรสฝาดและขม ในทำนองเดียวกัน ชาก็มีสารแทนนิกที่ทำให้เกิดรสฝาด แต่ด้วยการจัดการที่เหมาะสมก็สามารถให้รสชาติที่นุ่มนวลได้

Dr. McGee ยังพาเราไปสำรวจโลกของอาหารหมัก ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่พบได้ในทุกวัฒนธรรมทั่วโลก ตั้งแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์โบราณไปจนถึงชีสและอาหารหมักอื่นๆ จุลินทรีย์มีบทบาทสำคัญในการสลายโมเลกุลและสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ การหมักไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติ แต่ยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้ด้วย

ความหลากหลายทางชีวภาพของรสนิยม

ทำไมบางคนถึงเกลียดผักชี? Dr. McGee อธิบายว่าผักชีมีโมเลกุลที่คล้ายกับสารเคมีในสบู่ ทำให้บางคนรู้สึกว่ามันมีรสชาติเหมือนสบู่ นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ “Super-tasters” หรือผู้ที่มีต่อมรับรสจำนวนมาก ซึ่งไวต่อรสขมและเปรี้ยวเป็นพิเศษ ทำให้ไม่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารบางชนิดที่คนทั่วไปชอบได้ ความแตกต่างทางพันธุกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์รสชาติเป็นเรื่องส่วนบุคคลอย่างแท้จริง

เส้นทางที่ไม่เหมือนใครของ Dr. McGee

Dr. Harold McGee มีพื้นเพการศึกษาที่ไม่ธรรมดา เขาเริ่มต้นจากการศึกษาดาราศาสตร์ที่ Caltech ก่อนจะเปลี่ยนมาศึกษาด้านวรรณกรรม และสุดท้ายก็ค้นพบความหลงใหลในเคมีอาหาร แรงผลักดันของเขาคือความอยากรู้อยากเห็นในรายละเอียดของชีวิต และความปรารถนาที่จะเชื่อมโยงระดับการวิเคราะห์ต่างๆ เข้าด้วยกัน การเดินทางของเขาเป็นข้อพิสูจน์ว่าการติดตามความสนใจอย่างเปิดใจสามารถนำไปสู่อาชีพที่สร้างผลกระทบอันยิ่งใหญ่ได้

เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Dr. Harold McGee มีความละเอียดสูงมาก แนะนำให้ดูฉบับเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์และได้รับประโยชน์สูงสุด

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกวิทยาศาสตร์เบื้องหลังรสชาติอาหารและการปรุงอาหาร หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ ต่อไปเพื่อพัฒนาความรู้ของคุณ