ถอดรหัสจิตสำนึก: Dr. Christof Koch เผยกลไกสมองและการรับรู้จาก Huberman Lab

วันนี้เรามาสรุปคลิปจากช่อง Andrew Huberman ที่พูดถึงเรื่อง 'How to Expand Your Consciousness | Dr. Christof Koch' ซึ่งเป็นบทสนทนาอันลึกซึ้งกับ Dr. Christof Koch ผู้บุกเบิกด้านประสาทวิทยา เขาจะพาเราสำรวจความหมายของจิตสำนึก กลไกการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้อง และวิธีที่เราสามารถขยายขีดจำกัดของการรับรู้เพื่อประสบการณ์ชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น บทความนี้สรุปประเด็นสำคัญทั้งหมดมาให้คุณแล้ว!

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • จิตสำนึกคือ 'ภาวะของการเป็นอยู่' (state of being) ไม่ใช่แค่ 'การกระทำ' โดยเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของการได้ยิน การมองเห็น ความรัก ความเกลียดชัง และความฝัน
  • 'กล่องการรับรู้' (Perception Box) ของเราถูกสร้างจากประสบการณ์ส่วนตัวและความทรงจำ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงและขยายได้ผ่าน Neuroplasticity และประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต (Transformative Experiences)
  • มีเกณฑ์ทางประสาทวิทยาที่วัดจิตสำนึกได้เรียกว่า Perturbational Complexity Index (PCI) ซึ่งค่าเกิน 0.31 บ่งชี้ว่ามีจิตสำนึก ซึ่งมีนัยยะสำคัญในการดูแลผู้ป่วยในภาวะไม่ตอบสนอง
  • การลดความเย้ยหยัน (Cynicism) และเพิ่มความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพจิตที่ดีของแต่ละบุคคลและอนาคตของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน

จิตสำนึกคืออะไร?

Dr. Christof Koch อธิบายความหมายของจิตสำนึกอย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งว่า มันคือ 'ภาวะของการเป็นอยู่' (state of being) ไม่ใช่แค่ 'การกระทำ' (doing) เช่น การได้ยิน การมองเห็น ความรู้สึกรัก ความเกลียด หรือการฝัน ล้วนเป็นประสบการณ์ที่มีจิตสำนึกทั้งสิ้น หากคุณได้รับเงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์ แต่ต้องแลกกับการสูญเสียประสบการณ์ที่มีจิตสำนึกทั้งหมด คุณจะรับข้อเสนอนั้นหรือไม่? คำตอบคือ 'ไม่' เพราะหากไม่มีจิตสำนึก เราก็ไม่สามารถรับรู้การมีอยู่ของตัวเองได้ จิตสำนึกจึงเป็นแก่นแท้ของการมีชีวิตอยู่

Dr. Koch ยังแยกแยะ 'จิตสำนึก' ออกจาก 'จิตสำนึกแห่งตน' (self-consciousness) ซึ่งหมายถึงการรู้ตัวว่าเราเป็นใคร มีความทรงจำอะไรบ้าง เขาชี้ว่าในภาวะ Flow State, การทำสมาธิ หรือการใช้ยาไซคีเดลิก เราอาจสูญเสียการรับรู้ตัวตน แต่ยังคงมีจิตสำนึกอย่างสูงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

'กล่องการรับรู้' (Perception Box) ที่หล่อหลอมโลกของคุณ

แนวคิดสำคัญที่ Dr. Koch นำเสนอคือ 'กล่องการรับรู้' (Perception Box) ซึ่งเป็นมุมมองที่เป็นอัตวิสัยเฉพาะตัวของเราต่อความเป็นจริง กล่องนี้ถูกหล่อหลอมโดยประสบการณ์ ความทรงจำ และความเชื่อพื้นฐาน (Bayesian priors) ของแต่ละบุคคล เขายกตัวอย่างปรากฏการณ์ #TheDress ที่คนครึ่งหนึ่งเห็นเป็นสีทอง-ขาว อีกครึ่งหนึ่งเห็นเป็นสีน้ำเงิน-ดำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้สิ่งเร้าจะเหมือนกัน แต่สมองแต่ละคนก็ประมวลผลและสร้างการรับรู้ที่แตกต่างกันได้

Andrew Huberman เสริมด้วยประสบการณ์ VR ของเขาที่เรียกว่า 'Walk of 1,000 Cuts' ซึ่งทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการใช้ชีวิตในมุมมองของคนผิวสีชั่วคราว ประสบการณ์ 10 นาทีนี้ได้เปลี่ยนความเข้าใจเรื่องการเหยียดเชื้อชาติและความเห็นอกเห็นใจของเขาอย่างลึกซึ้ง แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ตรงที่เปลี่ยนแปลงชีวิต (Transformative Experiences) สามารถปรับเปลี่ยน 'กล่องการรับรู้' และความเชื่อพื้นฐานของเราได้มากกว่าการเรียนรู้ทางปัญญา

กลไกทางประสาทวิทยาของจิตสำนึก

Dr. Koch อธิบายว่าจิตสำนึกมีพื้นฐานทางประสาทชีววิทยาที่สามารถวัดผลได้ โดยเน้นไปที่วงจร Corticothalamic ในสมอง และได้พัฒนา 'ดัชนีความซับซ้อนจากการรบกวน' (Perturbational Complexity Index - PCI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเชิงปริมาณระหว่าง 0 ถึง 1 ผลการวิจัยพบว่า หากค่า PCI สูงกว่า 0.31 บุคคลนั้นจะมีจิตสำนึก ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะตื่น ฝัน หรืออยู่ภายใต้ผลของยา เช่น เคตามีน แต่หากต่ำกว่าเกณฑ์นี้ เช่น ในภาวะหลับลึก หรืออยู่ภายใต้ยาสลบ บุคคลนั้นจะไร้จิตสำนึก

การค้นพบนี้มีนัยยะสำคัญทางการแพทย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการระบุ 'จิตสำนึกที่ซ่อนเร้น' (covert consciousness) ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองทางพฤติกรรม (เคยถูกเรียกว่าภาวะผัก) ซึ่งช่วยให้ครอบครัวและแพทย์สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

ความยืดหยุ่นของจิตใจและพลังแห่งความเชื่อ

การสนทนายังเน้นย้ำถึงความยืดหยุ่นของจิตใจมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ในวัยชรา ความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะเปลี่ยนแปลง บวกกับการบำบัดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบำบัดด้วยการพูดคุย หรือการบำบัดด้วยยาไซคีเดลิก ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะภาระทางอารมณ์และปรับเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้ดีขึ้น Dr. Koch ยืนยันว่าการเปลี่ยนมุมมองชีวิตเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ หากเรามีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลง

วิกฤตสุขภาพจิตและความหมายของชีวิต

ประเด็นทางสังคมถูกหยิบยกมาพูดถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตสุขภาพจิตในหมู่วัยรุ่น ซึ่ง Dr. Koch เชื่อมโยงกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การขาดโอกาสในการเล่นอย่างอิสระ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่มากเกินไป และขนาดครอบครัวที่เล็กลง การลด 'ความเย้ยหยัน' (Cynicism) และเพิ่ม 'ความอยากรู้อยากเห็น' (Curiosity) เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีและอนาคตของสังคม

Dr. Koch ยังแบ่งปันมุมมองทางปรัชญาเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ส่วนตัวกับยา 5-MeO-DMT ที่ทำให้เขาสูญเสียความกลัวความตาย และเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่มีอยู่จริงคือ 'จิต' (mental) และจิตสำนึกของแต่ละบุคคลจะกลับคืนสู่ 'จิตสำนึกแห่งจักรวาล' (cosmic consciousness) หลังความตาย เขาหนุนให้ทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจโลกและทำให้โลกดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น

เซลล์ประสาท Jennifer Aniston

ปิดท้ายด้วยการค้นพบที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง คือ 'เซลล์ Jennifer Aniston' ซึ่งเป็นเซลล์ประสาทเฉพาะในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส อะมิกดาลา และคอร์เทกซ์เอนทอไรนัล ที่ตอบสนองอย่างจำเพาะเจาะจงต่อภาพของบุคคลบางคน เช่น Jennifer Aniston หรือ Bill Clinton การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าสมองของเราสามารถ 'เชื่อมโยง' เซลล์ประสาทเพื่อตอบสนองต่อบุคคลหรือแนวคิดที่เราให้ความสำคัญได้อย่างไร

เนื้อหาจาก Dr. Christof Koch และ Dr. Andrew Huberman มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก การทำความเข้าใจจิตสำนึกและการรับรู้ของเราเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาชีวิตและสังคม ลองสำรวจ 'กล่องการรับรู้' ของคุณเอง และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อขยายขีดจำกัดของจิตใจ

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกบทสนทนาอันน่าทึ่งนี้ หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ ต่อไป!