ประเด็นสำคัญ
- กระท่อมไม่ใช่สารเดี่ยว แต่เป็นพืชที่มีอัลคาลอยด์กว่า 20-40 ชนิด ซึ่งออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทหลายส่วนพร้อมกัน ทำให้เกิดผลที่ซับซ้อนและแตกต่างกันไป
- ผลิตภัณฑ์กระท่อมในตลาดปัจจุบันมีความแตกต่างอย่างมากจากใบกระท่อมแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะสารสกัดเข้มข้นและสารสังเคราะห์ (7-hydroxymitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายโอปิออยด์บริสุทธิ์และมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก
- การใช้กระท่อมในปริมาณต่ำอาจให้ผลกระตุ้นและช่วยเรื่องอารมณ์และพลังงาน คล้ายคาเฟอีน แต่การใช้ในปริมาณสูงหรือผลิตภัณฑ์เข้มข้นอาจนำไปสู่ผลกดประสาท คล้ายโอปิออยด์ และมีความเสี่ยงต่อการพึ่งพิงและการกดการหายใจ
- ผู้ใช้กระท่อมจำนวนมากในสหรัฐฯ (ประมาณ 20 ล้านคนต่อวัน) ใช้เพื่อเพิ่มพลังงาน บรรเทาอาการปวด และปรับปรุงอารมณ์ โดยมีบางส่วนใช้เพื่อเลิกสารโอปิออยด์ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการพึ่งพิงกระท่อมได้เช่นกัน
- การทำความเข้าใจขนาดการบริโภคและประเภทของผลิตภัณฑ์ (ใบกระท่อม vs. สารสกัด/สารสังเคราะห์) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่สมองยังพัฒนาไม่เต็มที่
Dr. Andrew Huberman ได้ต้อนรับ Dr. Chris McCurdy ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีทางการแพทย์ มาพูดคุยเชิงลึกเกี่ยวกับพืชกระท่อม (Kratom) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่กำลังเป็นที่นิยมและก่อให้เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
กระท่อมคืออะไร และการใช้แบบดั้งเดิม
กระท่อม หรือ Mitragyna speciosa เป็นพืชพื้นเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมาเลเซียและไทย เกษตรกรและผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ชนบทมักเคี้ยวใบสดหรือต้มเป็นชาเพื่อเพิ่มพลังงาน ความทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้น และช่วยบรรเทาอาการปวด นอกจากนี้ยังใช้เพื่อช่วยเรื่องอารมณ์และเป็นเครื่องดื่มทางสังคมในปริมาณต่ำให้ผลกระตุ้น แต่ในปริมาณสูงจะให้ผลกดประสาทคล้ายโอปิออยด์
Dr. McCurdy สนใจกระท่อมจากรายงานที่ว่ามันสามารถช่วยบรรเทาอาการถอนยาเฮโรอีนหรือฝิ่นได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการแก้ไขวิกฤตโอปิออยด์
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์กระท่อมในปัจจุบันและความเสี่ยง
ผลิตภัณฑ์กระท่อมในตลาดตะวันตกแตกต่างจากการใช้แบบดั้งเดิมอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นใบแห้งที่ถูกนำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งผ่านกระบวนการบดเป็นผง บรรจุแคปซูล หรือนำไปสกัดเป็นสารเข้มข้น ปัญหาคือการสกัดสารออกฤทธิ์จากพืชโดยตรงนั้นยาก แต่เมื่อนำไปทำเป็นสารสกัดหรือโทนิค ร่างกายจะดูดซึมสารเหล่านั้นได้เร็วขึ้นมาก ทำให้ผลกระทบต่อร่างกายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
Dr. McCurdy เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์กระท่อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีตั้งแต่เบียร์อ่อนๆ ไปจนถึงแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ แต่กระท่อมกลับถูกรวมเรียกว่า 'กระท่อม' ทั้งหมด โดยไม่มีการจำแนกความเข้มข้น ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและอาจได้รับอันตรายจากการบริโภคเกินขนาดโดยไม่รู้ตัว
สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรรู้คือ: ต้องตรวจสอบขนาดการบริโภค (serving size) อย่างละเอียด และ แยกแยะระหว่างผลิตภัณฑ์จากใบกระท่อมแท้ กับผลิตภัณฑ์ที่ 'สกัดจากกระท่อม' หรือ 'สารบริสุทธิ์' ซึ่งสารเหล่านี้มีฤทธิ์รุนแรงคล้ายโอปิออยด์บริสุทธิ์ และมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก
ผู้ใช้กระท่อมส่วนใหญ่ใช้เพื่ออะไร? และการพึ่งพิงทางกายภาพ
จากการสำรวจ ผู้ใช้กระท่อมส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ (ประมาณ 20 ล้านคนต่อวัน) ใช้ในลักษณะที่รับผิดชอบ ไม่ได้ต้องการ 'เมา' หรือ 'เคลิ้ม' แต่ใช้เพื่อเพิ่มพลังงาน ปรับปรุงอารมณ์ และบรรเทาอาการปวด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการทางเลือกแทนโอปิออยด์ อย่างไรก็ตาม การใช้กระท่อมเป็นประจำสามารถนำไปสู่การพึ่งพิงทางกายภาพได้ เช่นเดียวกับคาเฟอีน แต่ในกรณีของกระท่อมเข้มข้น อาการถอนอาจรุนแรงกว่า เช่น อาการขาอยู่ไม่สุข (restless leg syndrome) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการถอนโอปิออยด์
สารอัลคาลอยด์ในกระท่อม: กลไกที่ซับซ้อน
กระท่อมมีสารอัลคาลอยด์มากกว่า 20-40 ชนิด สารหลักคือ Mitragynine ซึ่งมีฤทธิ์อ่อนต่อตัวรับโอปิออยด์ แต่ยังออกฤทธิ์กับระบบส่งสัญญาณประสาทอื่นๆ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และอะดรีเนอร์จิก (Adrenergic) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ การอิ่ม และการตอบสนองแบบสู้หรือหนี (fight or flight) Dr. McCurdy อธิบายว่ากระท่อมทำงานคล้าย 'ปืนลูกซองทางเภสัชกรรม' ที่ยิงเป้าหมายหลายจุดพร้อมกัน ทำให้ได้ผลบรรเทาปวดที่ซับซ้อนและแตกต่างจากยาแก้ปวดทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สาร 7-hydroxymitragynine ซึ่งเป็นสารเมตาบอไลต์ของ Mitragynine ที่ร่างกายผลิตขึ้น และปัจจุบันถูกสังเคราะห์และจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์แยก (isolate) หรือสารสังเคราะห์นั้น มีฤทธิ์คล้ายโอปิออยด์บริสุทธิ์และสามารถกดการหายใจได้เทียบเท่าโอปิออยด์ทั่วไป ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
กระท่อมกับเยาวชน และวิธีเลิกกระท่อม
Dr. McCurdy แนะนำให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 24-25 ปี หลีกเลี่ยงกระท่อม เนื่องจากสมองยังคงพัฒนาอยู่ และยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาว การเลิกกระท่อมเป็นเรื่องที่ท้าทาย ผู้ติดยาหลายคนต้องเข้ารับการรักษาด้วยยาบูปรีนอร์ฟีน (buprenorphine) หรือเมทาโดน (methadone) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาการติดโอปิออยด์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระท่อมมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ซับซ้อนกว่าโอปิออยด์ทั่วไป การรักษาอาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากระบบโอปิออยด์ด้วย และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ
เรื่องราวของสารธรรมชาติอื่นๆ: โกโก้และโคคาลีฟ
คลิปนี้ยังพูดถึงประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของยาและเครื่องดื่มจากพืชธรรมชาติ เช่น แอสไพรินจากเปลือกต้นวิลโลว์ และยาเบาหวาน Metformin ที่เลียนแบบสารจากเปลือกไม้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงโกโก้ (Cacao) ซึ่งมีสาร Theobromine ที่คล้ายคาเฟอีน และสารอื่นๆ ที่ให้ความรู้สึกดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงประวัติศาสตร์ของ Coca-Cola ที่เคยมีสารสกัดจากโคคาลีฟ (Coca Leaf) ซึ่งมีโคเคนอยู่ด้วยในอดีต ปัจจุบัน Coca-Cola ยังคงใช้สารสกัดโคคาลีฟที่ปราศจากโคเคนเป็นสารแต่งกลิ่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสารธรรมชาติมีบทบาทสำคัญในชีวิตเรามาอย่างยาวนาน
เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Dr. Chris McCurdy มีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก ควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก่อนการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการใช้สารเหล่านี้เสมอ
ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อข้อมูลที่สมบูรณ์ หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ ต่อ