ประเด็นสำคัญ
- คราตอม (Kratom) เป็นสารจากพืชธรรมชาติ Mitragyna speciosa ที่มีฤทธิ์คล้ายโอปิออยด์ ซึ่งอาจเป็นทั้งสารกระตุ้นในปริมาณน้อย และเป็นยาแก้ปวด/ยากดประสาทในปริมาณมาก
- มีความเสี่ยงสูงต่อการเสพติดและอาการถอนยา แม้บางคนจะใช้เพื่อเลิกยาโอปิออยด์ที่รุนแรงกว่า แต่คราตอมเองก็เป็น 'กับดัก' ที่ทำให้ติดได้
- คราตอมออกฤทธิ์โดยการจับกับตัวรับ Mu-opioid receptor ในสมอง คล้ายกับมอร์ฟีนและไฮโดรโคโดน แม้จะมีฤทธิ์อ่อนกว่าก็ตาม
- ขาดการควบคุมคุณภาพอย่างจริงจังในตลาด ทำให้ปริมาณสารออกฤทธิ์ในแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกันมาก เพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้เกินขนาด
- ความเสี่ยงร้ายแรงที่สุดคือการกดการหายใจ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือโอปิออยด์อื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
- คำแนะนำที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญคือ: หากไม่เคยใช้คราตอม ควรหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง
ใน AMA (Ask Me Anything) ตอนนี้ Dr. Andrew Huberman ได้ตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับ 'คราตอม' (Kratom) พืชสมุนไพรจากอินโดนีเซียที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ก็เป็นที่ถกเถียงกันถึงคุณสมบัติและอันตรายที่แฝงอยู่
คราตอมคืออะไร?
คราตอมมาจากต้น Mitragyna speciosa ซึ่งเป็นที่รู้จักมานานหลายร้อยปี ผู้คนเคี้ยวใบของมันเพื่อรับฤทธิ์กระตุ้นอ่อนๆ ในปัจจุบัน มีการสกัดสารจากใบและบรรจุเป็นอาหารเสริม มักมาในรูปแคปซูลหรือผง
ฤทธิ์สองด้านและสถานะโอปิออยด์
Dr. Huberman ชี้ว่าคราตอมมีฤทธิ์สองแบบ: ในปริมาณน้อยเป็นสารกระตุ้นอ่อนๆ แต่ในปริมาณสูงจะออกฤทธิ์เป็นยาแก้ปวด (analgesic) และยากดประสาท (sedative) ที่สำคัญคือ คราตอมออกฤทธิ์เป็น 'โอปิออยด์' ในร่างกาย ซึ่งทำให้มันเป็นประเด็นถกเถียงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของ 'วิกฤตโอปิออยด์' ที่มีการเสพติดและใช้ยาโอปิออยด์เกินขนาดอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ความเสี่ยงของการเสพติด
โอปิออยด์ เช่น มอร์ฟีนและออกซีโคโดน ทำให้เกิดการเสพติดสูง ผู้ใช้จะสร้างความทนทานต่อยาอย่างรวดเร็วและต้องเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เดิม Dr. Robert Malenka ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพติดจาก Stanford ชี้ว่า 'เราไม่สามารถติดสารที่เราไม่เคยบริโภคได้' ซึ่งเป็นคำเตือนที่สำคัญที่สุด
แม้บางคนจะใช้คราตอมเพื่อค่อยๆ ลดการใช้ยาโอปิออยด์ที่รุนแรงกว่า แต่ Dr. Huberman ย้ำว่า คราตอมเองก็มีศักยภาพในการเสพติดสูงเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณที่สูงขึ้น ผู้ที่ติดคราตอมอาจประสบกับอาการถอนยาที่รุนแรง
สองมุมมองที่แตกต่าง
Dr. Huberman ได้สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับคราตอมบนโซเชียลมีเดียและพบสองขั้วความคิดเห็นที่ชัดเจน: กลุ่มหนึ่งมองว่าคราตอมอันตรายและทำให้ติดได้ง่าย ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าคราตอมมีประโยชน์ในการช่วยเลิกยาโอปิออยด์ชนิดอื่น โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณที่ต่ำ
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนยอมรับว่า หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงคราตอมโดยสิ้นเชิง เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการเสพติด อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนที่ติดโอปิออยด์รุนแรง คราตอมอาจเป็นทางเลือกที่ 'ดีกว่า' ชั่วคราว แต่ต้องมีแผนการลดปริมาณและเลิกใช้คราตอมในที่สุด
ความแตกต่างในการตอบสนองและปัญหาการควบคุม
ประมาณ 10-40% ของประชากรมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อโอปิออยด์ในลักษณะที่รุนแรงเป็นพิเศษ พวกเขาจะชอบฤทธิ์ของมันมาก ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเสพติดเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ คราตอมยังขาดการควบคุมคุณภาพอย่างจริงจังในฐานะอาหารเสริม ทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อมีปริมาณสารอัลคาลอยด์ (สารออกฤทธิ์) ที่แตกต่างกันมาก ทำให้ยากที่จะควบคุมปริมาณการใช้และประเมินความเสี่ยง
กลไกการออกฤทธิ์และอันตรายที่ซ่อนอยู่
คราตอมออกฤทธิ์โดยการจับกับตัวรับโอปิออยด์ชนิด Mu (mu-opioid receptor) ในสมอง ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับมอร์ฟีนและไฮโดรโคโดน แม้จะมีฤทธิ์อ่อนกว่าก็ตาม ความเข้าใจผิดที่ว่าคราตอมจับกับตัวรับ Kappa-opioid receptor และแตกต่างจากโอปิออยด์อื่นๆ นั้นไม่เป็นความจริง การออกฤทธิ์ต่อ Mu-opioid receptor เป็นสาเหตุหลักของผลกระทบคล้ายโอปิออยด์ เช่น การลดปวด และอาการเคลิบเคลิ้ม
ความเสี่ยงที่สำคัญและอันตรายถึงชีวิตของโอปิออยด์คือการ 'กดการหายใจ' (respiratory depression) Dr. Jack Feldman ผู้บุกเบิกความเข้าใจเรื่องระบบหายใจสมัยใหม่ อธิบายว่าโอปิออยด์จะไปจับกับตัวรับในก้านสมองที่ควบคุมการหายใจ ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ แม้คราตอมจะไม่กดการหายใจในปริมาณน้อยถึงปานกลาง แต่เมื่อใช้ร่วมกับโอปิออยด์อื่นๆ หรือแอลกอฮอล์ ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีหลักฐานบางส่วนที่ชี้ว่าการเสียชีวิตจากคราตอมเกิดจากการกดการหายใจ
บทสรุป: คราตอมคือกับดัก
Dr. Huberman สรุปว่าคราตอมไม่ใช่สารที่ไม่เป็นอันตราย ศักยภาพในการเสพติดของมันเป็นเรื่องจริง และสามารถเป็น 'กับดัก' ได้ทั้งสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้โอปิออยด์อื่นมาก่อน และผู้ที่พยายามเลิกใช้โอปิออยด์ที่รุนแรงกว่า การเพิ่มปริมาณคราตอมเพื่อทดแทนผลของยาที่แรงกว่านั้น ไม่ต่างอะไรกับการเปลี่ยนไปใช้โอปิออยด์อีกรูปแบบหนึ่ง
เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman มีความละเอียดสูงมาก แนะนำให้ดูฉบับเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะส่วนที่เหลือของคลิป AMA ที่พูดถึงเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกทุกประเด็น!