มายากลและจิตวิทยา: เผยความลับการทำงานของสมองและพลังแห่งการรับรู้ | Andrew Huberman x Asi Wind

วันนี้เรามาสรุปคลิปจากช่อง Andrew Huberman ที่พูดถึงการสนทนาสุดพิเศษกับ Asi Wind นักมายากลและนักจิตวิทยาชื่อดังระดับโลก ซึ่งมีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่สนใจการทำงานของสมอง จิตวิทยา และการรับรู้ของมนุษย์ มายากลไม่ได้เป็นเพียงการหลอกตา แต่คือหน้าต่างที่สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างและศักยภาพอันน่าทึ่งในจิตใจของเรา!

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • มายากลและนักจิตวิทยาสามารถเผย 'ช่องว่าง' ในการรับรู้ของสมองมนุษย์ ทำให้เราเข้าใจว่าสมองสร้างและลบความทรงจำปลอมได้อย่างไร
  • นักมายากลเก่งๆ เปรียบเสมือนนักดนตรีแจ๊ส พวกเขาด้นสดและปรับเปลี่ยนการแสดงให้เข้ากับสถานการณ์ โดยที่ผู้ชมไม่รู้ตัว
  • อารมณ์และความรู้สึกมีบทบาทสำคัญในการสร้างความทรงจำและการรับรู้ของเรา นักมายากลใช้สิ่งนี้เพื่อให้ผู้ชม 'ร่วมสร้าง' ประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ
  • การเว้นช่วงพักและการจัดการจังหวะการนำเสนอข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญต่อการเรียนรู้และการจดจำ โดยสมองจะประมวลผลข้อมูลได้ดีขึ้นเมื่อมีช่องว่าง
  • ศิลปะที่ยอดเยี่ยมและมายากลที่น่าทึ่งมีพื้นฐานร่วมกันคือการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน การควบคุมการรับรู้ และการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ชม

ในพอดคาสต์ Huberman Lab ครั้งนี้ Andrew Huberman ได้ต้อนรับ Asi Wind สุดยอดนักมายากลและนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อสำรวจว่าศิลปะการแสดงของเขาสามารถเปิดเผยความลับและกลไกอันซับซ้อนของการทำงานของสมองมนุษย์ได้อย่างไร การสนทนานี้ไม่ใช่แค่เรื่องของกลเม็ด แต่เป็นการเจาะลึกถึงประสาทวิทยา จิตวิทยา และศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน

มายากล: หน้าต่างสู่ความลับของสมอง

Andrew Huberman เปิดประเด็นด้วยคำถามที่ว่า ทำไมนักมายากลถึงมาอยู่ในพอดคาสต์ด้านประสาทวิทยา คำตอบคือ นักมายากลและนักจิตวิทยาสามารถเผยให้เห็น 'ช่องว่าง' ในการรับรู้ของเรา จุดที่สมองมนุษย์ผิดพลาด ทำให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น ทั้งที่จริงแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้น

Asi Wind อธิบายว่างานของเขาแสดงให้เห็นว่าเราสร้างความทรงจำได้อย่างไร ลบความทรงจำได้อย่างไร และเราจะสามารถ 'ประทับ' ความทรงจำบางอย่างลงไป หรือ 'ลบ' ความทรงจำอื่นๆ ได้อย่างไร สิ่งที่เขาสอนเราไม่ใช่แค่เรื่องของกลเม็ด แต่เป็นเรื่องของสมองของเราเองที่นำพาให้เราเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ได้ โดยอาศัยความร่วมมือกับผู้อื่นในการสร้างการรับรู้ทั้งที่เป็นจริงและไม่จริง

นักมายากลคือ 'นักดนตรีแจ๊ส' แห่งการรับรู้

Asi เปรียบเทียบนักมายากลกับนักดนตรีแจ๊ส ที่ 'เขียนเรื่องราวไปพร้อมกับการแสดง' พวกเขาด้นสดและปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ หากมีสิ่งผิดพลาด พวกเขาก็จะเปลี่ยนเส้นทางโดยที่ผู้ชมไม่รู้ตัว ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้พวกเขามองเห็น 'รูปแบบพฤติกรรม' ของผู้คน และใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์

ที่น่าสนใจคือ Asi พบว่า 'คนฉลาด' มักจะถูกหลอกได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ฉลาดนัก เพราะคนฉลาดมักจะ 'เติมเต็มช่องว่าง' ด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อนตามข้อมูลที่พวกเขามี ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ฉลาดนักที่มักจะคิดแบบง่ายๆ และจับผิดกลได้ง่ายกว่า

บทบาทของอารมณ์และความทรงจำในการสร้างภาพลวงตา

Asi เน้นย้ำว่างานของเขาคือการ 'จัดการ' วิธีที่ผู้ชมจะจดจำประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'ความรู้สึก' ที่เกิดขึ้น Andrew Huberman เล่าถึงกลที่ Asi เคยแสดงให้เขาดู ซึ่งเขาจดจำ 'ความรู้สึกทึ่ง' มากกว่ารายละเอียดของกล Asi เสริมว่าผู้ชมคือ 'ผู้ร่วมสร้าง' กลนั้นๆ และอารมณ์มีบทบาทสำคัญในการนี้

ความทรงจำของเราไม่ใช่บันทึกที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นระบบที่ 'สร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง' (confabulation system) ซึ่งนักมายากลใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อสร้างการรับรู้ที่บิดเบือนไปจากความจริง

มายากลเป็น 'การทดลอง' ที่ท้าทายจิตใจ

Asi ชอบใช้คำว่า 'การทดลอง' แทน 'กล' เพราะมันสื่อถึงความเป็นไปได้ที่จะ 'ล้มเหลว' ซึ่งทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและลุ้นระทึกมากขึ้น เช่นเดียวกับนักไต่ตึกที่ไม่มีเชือก เราไม่ต้องการให้เขาล้ม แต่ความเป็นไปได้ที่จะล้มนั้นทำให้เราตื่นเต้น

นักมายากลสามารถ 'ควบคุมการรับรู้' ของผู้ชมได้อย่างน่าทึ่ง เช่น ทำให้คนเห็นว่า 2 + 2 = 16 ได้ หรือโน้มน้าวให้คนเลือกไพ่ที่ต้องการ โดยที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจของตัวเอง การอ่านภาษากายและอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ของผู้ชมเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีการแสดงและสร้างความเชื่อมโยง

ศิลปะแห่งการเว้นช่องว่างและการเล่าเรื่อง

ในยุคที่โซเชียลมีเดียกระตุ้นให้เราต้องการข้อมูลและสิ่งเร้าตลอดเวลา Asi พบว่าผู้ชมในโรงละครต้องการการกระตุ้นที่เร็วขึ้น Andrew Huberman เสริมว่า 'ช่องว่าง' ในการกระตุ้น เช่น การนอนหลับ การพักผ่อน หรือการเดินเล่นโดยไม่ใช้โทรศัพท์ เป็นช่วงเวลาที่สมองประมวลผลข้อมูล สร้างความทรงจำ และเกิดความคิดใหม่ๆ

นักมายากลใช้ 'จังหวะ' และ 'การเว้นจังหวะ' ในการแสดงเพื่อควบคุมว่าผู้ชมจะจดจำอะไร และลืมอะไร หากต้องการให้ผู้ชมลืมสิ่งใด ก็จะสร้างเหตุการณ์ดราม่าที่สำคัญกว่าตามมาทันทีโดยไม่มีช่องว่าง แต่หากต้องการให้จดจำ ก็จะให้เวลาผู้ชมได้พักและซึมซับ

ความรู้ ความใส่ใจ และชีวิตของศิลปิน

Andrew Huberman อธิบายปรากฏการณ์ 'Gap Effects' ในประสาทวิทยา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีช่วงว่างระหว่างการเรียนรู้ช่วยให้สมองเข้ารหัสข้อมูลได้ดีขึ้น Asi พบว่าการ 'ใส่ใจ' ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ชื่อคน จะช่วยให้เราจดจำสิ่งนั้นได้ดีขึ้นมาก การเชื่อมโยงข้อมูลกับเรื่องราวหรือภาพจะยิ่งช่วยเสริมความทรงจำ

Asi Wind ใช้ชีวิตแบบศิลปิน เขาเป็นคนนอนดึก ตื่นสาย และเริ่มต้นวันด้วยความผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงอีเมลหรือสิ่งเร้าภายนอกในช่วงเช้าตรู่ เพื่อให้สมองได้ประมวลผลความคิดและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ เขาชอบการเดินเล่น เพราะเชื่อว่าทำให้คิดได้ดีขึ้น

เขาเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับการเป็น 'ฟองน้ำ' ที่ดูดซับทุกสิ่งรอบตัว ทั้งศิลปะ หนังสือ บทสนทนา และประสบการณ์ต่างๆ ทุกสิ่งล้วนเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจ และถูกกรองผ่านมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเอง

'Incredibly Human' การแสดงที่ยกย่องจิตใจมนุษย์

Asi Wind กำลังจะเปิดตัวการแสดงใหม่ล่าสุดของเขาชื่อว่า 'Incredibly Human' ซึ่งเป็นการแสดงที่ยกย่องจิตใจมนุษย์ สำรวจศักยภาพและขีดจำกัดของสิ่งที่เราทำได้ เขามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์การแสดงที่ 'มองเห็นได้ด้วยตา' และมี 'คุณภาพแบบภาพวาด' เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าทึ่งและเป็นเครื่องเตือนใจว่ามนุษย์นั้นมหัศจรรย์เพียงใด

เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Asi Wind มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก การสนทนาของพวกเขานำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับจิตวิทยา ประสาทวิทยา และศิลปะการแสดง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเข้าใจตนเองและโลกได้เป็นอย่างดี แนะนำให้ดูฉบับเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์และได้รับแรงบันดาลใจอย่างเต็มที่

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อสัมผัสประสบการณ์การสนทนาอันน่าทึ่ง หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ ต่อไปเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของสมองและร่างกาย