ปลดล็อกศักยภาพสูงสุดในแต่ละวัน: เคล็ดลับวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นจาก Andrew Huberman Lab Podcast

วันนี้เรามาสรุปคลิปจากช่อง Andrew Huberman ที่พูดถึงเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สุขภาพกายและใจด้วยเครื่องมือและแนวทางปฏิบัติที่อิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่สนใจการใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพในทุกๆ วัน

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • เริ่มต้นวันด้วยแสงแดดยามเช้าและการเดิน เพื่อลดความกังวลและเพิ่มความตื่นตัว
  • เลื่อนการดื่มคาเฟอีนออกไป 90-120 นาทีหลังตื่นนอน เพื่อป้องกันอาการสมองล้าช่วงบ่าย
  • จัดตารางทำงานแบบ 'บล็อก 90 นาที' โดยใช้เทคนิคการโฟกัสและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
  • รับประทานอาหารกลางวันที่เน้นโปรตีนและไขมันดี และมื้อเย็นที่เน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อควบคุมระดับพลังงานและการนอนหลับ
  • ใช้เทคนิค Non-Sleep Deep Rest (NSDR) เช่น Hypnosis เพื่อการผ่อนคลายลึกและเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้

ในตอนนี้ Andrew Huberman ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจาก Stanford University ได้รวบรวมและสรุปแนวทางปฏิบัติที่อิงวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับ อารมณ์ การเรียนรู้ โภชนาการ การออกกำลังกาย และความคิดสร้างสรรค์ โดยจัดโครงสร้างเป็นกิจวัตรประจำวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงและเห็นผล

กิจวัตรยามเช้าเพื่อความตื่นตัวและสงบ

เริ่มต้นวันด้วยการจดบันทึกเวลาตื่นนอนเพื่อคำนวณ 'อุณหภูมิร่างกายต่ำสุด' ซึ่งเป็นจุดอ้างอิงสำคัญสำหรับจังหวะชีวิต (Circadian Rhythm) ของเรา จากนั้นให้ออกไปเดินเล่นในที่กลางแจ้ง โดยเฉพาะการรับแสงแดดยามเช้าเข้าสู่ดวงตา (โดยไม่สวมแว่นกันแดด) เป็นเวลา 10-30 นาที จะช่วยกระตุ้นเซลล์ 'เมลาโนปซิน' ในดวงตา ซึ่งส่งสัญญาณไปยังสมองว่าถึงเวลาตื่นตัวและเริ่มกระบวนการทางชีวภาพทั่วร่างกาย รวมถึงการหลั่งคอร์ติซอลในปริมาณที่เหมาะสมที่ช่วยให้ตื่นตัวแต่ไม่วิตกกังวล การเดินยังช่วยสร้าง 'Optic Flow' ซึ่งมีผลช่วยลดกิจกรรมในสมองส่วน Amygdala ซึ่งเกี่ยวข้องกับความวิตกกังวล ทำให้เราตื่นตัวแต่รู้สึกสงบ

การจัดการพลังงานและสมาธิ

หลังจากตื่นนอน ควรดื่มน้ำเปล่าผสมเกลือทะเลเล็กน้อย (ประมาณ 16-32 ออนซ์) เพื่อเติมเกลือแร่ที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ประสาท จากนั้นให้เลื่อนการดื่มคาเฟอีนออกไป 90-120 นาทีหลังตื่นนอน เพื่อให้ระดับอะดีโนซีน (สารที่ทำให้ง่วงนอน) ลดลงตามธรรมชาติก่อน คาเฟอีนจะช่วยบล็อกอะดีโนซีน ทำให้เราตื่นตัวและมีสมาธิได้ยาวนานขึ้นโดยไม่เกิดอาการ 'สมองล้า' ช่วงบ่าย

สำหรับการทำงาน Huberman แนะนำให้ใช้ 'บล็อกการทำงาน 90 นาที' ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองสามารถโฟกัสได้อย่างเต็มที่ โดยในช่วงนี้ควรตัดสิ่งรบกวนทั้งหมด เช่น ปิดอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ และจัดตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาหรือสูงกว่าเล็กน้อย เพื่อรักษาสภาพความตื่นตัว นอกจากนี้ การใช้เสียง White Noise เบาๆ ในพื้นหลังยังช่วยเพิ่มสมาธิและการเรียนรู้ได้

การออกกำลังกายและโภชนาการ

หลังจากการทำงานช่วงเช้า ควรออกกำลังกายประมาณ 60 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ โดยสลับระหว่างการฝึกความแข็งแรง (Strength & Hypertrophy) และการฝึกความทนทาน (Endurance) ในอัตราส่วน 3:2 และใช้กฎ 80/20 สำหรับความเข้มข้นของการฝึก (80% ไม่ถึงภาวะล้มเหลว, 20% ถึงภาวะล้มเหลว) การออกกำลังกายแบบอดอาหาร (Fasted Training) อาจช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพเซลล์และตับ

ในส่วนของโภชนาการ Huberman แนะนำให้รับประทานอาหารมื้อแรกประมาณเที่ยงวัน โดยเน้นโปรตีนและไขมันดี และลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เพื่อรักษาระดับความตื่นตัวตลอดบ่าย นอกจากนี้ การได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 (อย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัม EPA ต่อวัน) และซีลีเนียม (จาก Brazil nuts) ก็สำคัญต่ออารมณ์และฮอร์โมน

การพักผ่อนและฮอร์โมน

หลังมื้อกลางวัน แนะนำให้เดินสั้นๆ 5-30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและรับแสงธรรมชาติช่วงบ่าย ซึ่งจะช่วยลดความไวของเรตินาต่อแสงจ้าในตอนกลางคืน และช่วยให้จังหวะการหลั่งเมลาโทนินเหมาะสม

เทคนิค 'Non-Sleep Deep Rest' (NSDR) โดยเฉพาะ 'Hypnosis' (การสะกดจิต) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการผ่อนคลายลึก เพิ่มสมาธิ และเร่งการปรับเปลี่ยนของสมอง (Brain Plasticity) แนะนำให้ใช้แอปพลิเคชันอย่าง reveri.com ซึ่งมีโปรโตคอลการสะกดจิตที่อิงวิทยาศาสตร์

สำหรับมื้อเย็น ควรเน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมอง ซึ่งช่วยให้เปลี่ยนเข้าสู่การนอนหลับได้ง่ายขึ้น และเติมเต็มไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ

การนอนหลับที่มีคุณภาพ

การเตรียมตัวนอนหลับที่ดี ควรเริ่มด้วยการลดอุณหภูมิร่างกาย เช่น การอาบน้ำอุ่นหรือซาวน่าก่อนนอน จะช่วยให้ร่างกายเย็นลงอย่างรวดเร็วเมื่อออกมาจากน้ำอุ่น นอกจากนี้ ห้องนอนควรจะมืดสนิทและเย็นสบาย เพื่อให้ร่างกายสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ง่ายขึ้นในระหว่างการนอน

หากต้องการตัวช่วยเสริม การใช้แมกนีเซียม (Magnesium Threonate หรือ Bisglycinate 300-400 มิลลิกรัม), อะพิเจนิน (Apigenin 50 มิลลิกรัม) และธีอะนีน (Theanine 100-200 มิลลิกรัม) ประมาณ 30-60 นาทีก่อนนอน สามารถช่วยให้หลับง่ายขึ้นและหลับลึกขึ้น โดยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนเมลาโทนิน

หากตื่นกลางดึก Huberman แนะนำให้ใช้เทคนิค NSDR หรือการหายใจแบบ Long Exhale เพื่อช่วยให้กลับไปหลับได้อีกครั้ง หรืออย่างน้อยก็อยู่ในสภาวะผ่อนคลายลึก

ความสม่ำเสมอและวันหยุด

แม้จะมีวันหยุดสุดสัปดาห์ การรักษากิจวัตรบางอย่าง เช่น การรับแสงแดดยามเช้าและการตื่นนอนในเวลาใกล้เคียงเดิม ก็ยังคงสำคัญต่อจังหวะชีวิตและสุขภาพโดยรวม หากนอนดึก ควรพยายามตื่นในเวลาปกติเพื่อไม่ให้จังหวะชีวิตรวน

เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman มีความละเอียดสูงมาก และอ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อย่างแม่นยำ การนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ต้องอาศัยความเข้าใจในสรีรวิทยาของตนเอง แนะนำให้ดูฉบับเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์และพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มโปรโตคอลใหม่ๆ

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกทุกรายละเอียด หรือสำรวจบทความเชิงลึกอื่น ๆ ในหมวดชีววิทยาสู่ความเป็นเลิศ