ประเด็นสำคัญ
- การทำสมาธิที่แท้จริงไม่ใช่แค่การลดความเครียดหรือเพิ่มสมาธิ แต่คือการ 'มองเห็นจิตสำนึก' ตัวมันเอง และตระหนักว่า 'ตัวตน' เป็นเพียงภาพลวงตา
- ความรู้สึกว่า 'ฉัน' เป็นผู้ควบคุมความคิดและการกระทำนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา เจตจำนงเสรีเป็นเพียงกระบวนการทางจิตใจที่เกิดขึ้นเอง
- ไมด์ฟูลเนส (Mindfulness) มีสองระดับ: ระดับทวิลักษณ์ (Dualistic) ที่เราพยายามควบคุมความสนใจ และระดับอทวิลักษณ์ (Non-dualistic) ที่ตระหนักว่าไม่มีผู้ควบคุม มีแต่ประสบการณ์ที่ปรากฏขึ้น
- ยาไซคีเดลิกอาจเป็น 'ประตู' ที่ช่วยเปิดเผยโลกภายในและคุณค่าของการสำรวจจิตสำนึก แต่การทำสมาธิคือหนทางสู่ความเข้าใจอย่างยั่งยืนในชีวิตประจำวัน
- การใช้ชีวิตอย่างเป็น 'กระบวนการ' แทนที่จะยึดติดกับ 'เป้าหมาย' จะนำมาซึ่งความสุขและความสงบในปัจจุบันขณะอย่างแท้จริง
ในพอดแคสต์ Huberman Lab ครั้งนี้ Dr. Andrew Huberman ได้เชิญ Dr. Sam Harris นักประสาทวิทยาและนักปรัชญาชื่อดังมาพูดคุยถึงหัวข้อที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำสมาธิ จิตสำนึก และ 'ตัวตน' Dr. Harris ได้ท้าทายความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับการทำสมาธิ และนำเสนอแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงมุมมองของเราต่อประสบการณ์ภายในอย่างสิ้นเชิง
คุณค่าที่แท้จริงของการทำสมาธิ: ไม่ใช่แค่ผ่อนคลาย แต่คือการ 'มองเห็นจิตสำนึก'
Andrew Huberman เริ่มต้นด้วยการยอมรับว่าก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าการทำสมาธิเป็นเพียงเครื่องมือในการเปลี่ยนประสบการณ์ทางจิตสำนึกให้ดีขึ้น เช่น ลดความเครียด เพิ่มสมาธิ หรือพัฒนาความจำ แต่ Sam Harris ได้ชี้ให้เห็นว่า แม้การทำสมาธิจะมีประโยชน์เหล่านี้จริง แต่คุณค่าที่แท้จริงและยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการที่มันช่วยให้เรา 'มองเห็นจิตสำนึกได้ด้วยตัวมันเอง' คือการเข้าใจว่ากระบวนการของจิตสำนึกคืออะไร และการทำเช่นนั้นจะเปลี่ยนวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับโลกและกับตัวเองอย่างลึกซึ้งในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น
'ตัวตน' เป็นเพียงภาพลวงตา?
Sam Harris อธิบายว่า 'ตัวตน' ที่เราคุ้นเคย คือความรู้สึกว่ามี 'ผู้สังเกต' อยู่ภายในร่างกาย โดยเฉพาะในศีรษะ เป็นเหมือน 'ผู้โดยสาร' ที่อยู่ในร่างกาย ไม่ใช่ตัวร่างกายเอง ซึ่งนี่คือภาพลวงตา การทำสมาธิจะช่วย 'รื้อถอน' ความรู้สึกนี้ และเมื่อเราค้นพบว่า 'ตัวตน' นี้เป็นเพียงภาพลวงตา เราจะสัมผัสได้ถึงอิสรภาพทางจิตใจอย่างแท้จริง
Harris ใช้การเปรียบเทียบที่น่าสนใจ เช่น:
- จุดบอดในดวงตา (Blind Spot): เรามีจุดบอดในลานสายตา แต่สมองเติมเต็มข้อมูลให้เราไม่รู้สึกถึงมัน เช่นเดียวกับ 'ตัวตน' ที่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริง แต่เราไม่เคยสังเกตเห็นการขาดหายไปนี้
- การเคลื่อนไหวของดวงตา (Saccades): ทุกครั้งที่เรากรอกตา ภาพจะถูก 'ระงับ' ชั่วขณะ เพื่อไม่ให้เรารู้สึกว่าโลกกำลังสั่นไหว Sam Harris เสนอว่ามีกลไกคล้ายกันนี้ที่ทำให้เรารู้สึกว่า 'ตัวตน' ถูกระงับไปชั่วขณะในชีวิตประจำวันโดยที่เราไม่รู้ตัว
- 'คุณคือแม่น้ำ ไม่ใช่ผู้เฝ้ามองจากริมฝั่ง': การทำสมาธิแบบทวิลักษณ์ (Dualistic) คือการรู้สึกว่าเราเป็นผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำแห่งจิตสำนึก แต่ความจริงแล้ว 'คุณคือแม่น้ำ' เอง ประสบการณ์ทั้งหมดคือการไหลเวียนเดียวกัน ไม่มีการแยกผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
- ปริศนาของนักท่องเที่ยวที่หายไป: นักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้เพื่อนร่วมทางเข้าใจผิดว่าหายไป เธอจึงเข้าร่วมกลุ่มค้นหาตัวเองจนกระทั่งตระหนักว่าเธอคือคนที่ถูกตามหา การทำสมาธิก็คล้ายกัน คือการตระหนักว่า 'ผู้ค้นหา' (ตัวตน) คือ 'สิ่งที่ถูกค้นหา' และปัญหาจะมลายหายไปเอง
เจตจำนงเสรี (Free Will) และบทสนทนาภายใน
Sam Harris เชื่อว่าความรู้สึกของ 'ตัวตน' และ 'เจตจำนงเสรี' เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน เรามักรู้สึกว่าเราเป็นผู้ควบคุมความคิดและการกระทำ แต่ในความเป็นจริงแล้วความคิดต่างๆ เกิดขึ้นมาเอง เราไม่ได้เป็นผู้ 'สร้าง' ความคิดเหล่านั้นก่อนที่จะคิด การทำสมาธิช่วยให้เราสังเกตเห็นบทสนทนาภายในที่ไม่หยุดหย่อนนี้ และตระหนักว่าความคิดเหล่านี้เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ตัวเรา
ไมด์ฟูลเนสแบบทวิลักษณ์ vs. อทวิลักษณ์: สองก้าวสู่ความเข้าใจ
Sam Harris อธิบายว่าการทำสมาธิมีสองก้าวสำคัญ:
- ไมด์ฟูลเนสแบบทวิลักษณ์ (Dualistic Mindfulness): ในขั้นแรก เราจะเรียนรู้ที่จะสังเกตความแตกต่างระหว่างการ 'จมอยู่ในความคิด' กับการ 'ตระหนักรู้' ในปัจจุบันขณะ เช่น สังเกตลมหายใจ เสียง หรือความรู้สึกต่างๆ เมื่อความคิดเกิดขึ้น เราจะนำความสนใจกลับมายังจุดเดิม การฝึกนี้ช่วยให้เราเห็นว่าเราถูกความคิดดึงความสนใจไปมากแค่ไหน และช่วยให้เรามีอิสระในการเลือกที่จะไม่จมอยู่กับอารมณ์เชิงลบ เช่น ความโกรธ
- ไมด์ฟูลเนสแบบอทวิลักษณ์ (Non-dualistic Mindfulness): นี่คือก้าวที่ลึกซึ้งกว่า คือการตระหนักว่าไม่มี 'ผู้สังเกต' หรือ 'ผู้ควบคุม' การตระหนักรู้เป็นเพียงสภาวะเปิดกว้างที่ทุกสิ่งปรากฏขึ้น รวมถึงความคิดด้วย เมื่อถึงจุดนี้ การทำสมาธิจะไม่ใช่การ 'พยายาม' อีกต่อไป แต่เป็นการ 'ตระหนักรู้' ในสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว ซึ่ง Sam Harris เรียกว่า 'ความไร้ศูนย์กลางของจิตสำนึก' หรือ 'ความว่างเปล่า' (Emptiness) ในทางพุทธศาสนา
ยาไซคีเดลิก: ประตูสู่ประสบการณ์ภายใน แต่ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
Sam Harris เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ยาไซคีเดลิก เช่น MDMA และ Psilocybin เป็น 'ประตู' ที่เปิดโลกภายในให้เขาได้สำรวจจิตสำนึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังสงสัยหรือไม่สนใจการทำสมาธิ ยาเหล่านี้สามารถสร้างประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและแสดงให้เห็นว่ามี 'บางสิ่ง' ที่น่าสำรวจในจิตใจ
อย่างไรก็ตาม Harris เน้นย้ำว่ายาไซคีเดลิกเป็นการ 'เปลี่ยนเนื้อหาของจิตสำนึก' ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ยั่งยืน เมื่อยาหมดฤทธิ์ เราก็จะกลับสู่สภาวะปกติ การทำสมาธิที่แท้จริงคือการเข้าถึง 'อิสรภาพ' ที่เข้ากันได้กับจิตสำนึกในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การแสวงหาประสบการณ์สุดยอดซ้ำๆ แต่เป็นการนำปัญญาที่ได้มาใช้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต
การใช้ชีวิตแบบกระบวนการ และการปลดปล่อยจาก 'เป้าหมาย'
Harris ชี้ให้เห็นว่าเรามักใช้ชีวิตโดยยึดติดกับ 'เป้าหมาย' (เช่น รวยขึ้น ผอมลง มีความสัมพันธ์ที่ดี) โดยหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความสุข แต่ความสุขที่แท้จริงมักอยู่ใน 'กระบวนการ' และความสามารถในการพักความสนใจในปัจจุบันขณะต่างหาก การทำสมาธิช่วย 'ย้อนกลับเหตุและผล' ทำให้เราสามารถมีความสุขและสงบได้ก่อนที่สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ใช่รอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงมีความสุข
ทำไม Sam Harris จึงเลิกใช้ Twitter?
Sam Harris แบ่งปันเหตุผลที่เขาตัดสินใจปิดบัญชี Twitter ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก เขามองว่า Twitter กลายเป็นแหล่งสร้างความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น และทำให้เขามีมุมมองเชิงลบต่อมนุษยชาติ เขาพบว่าการมีปฏิสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวและสร้างความเครียดในชีวิตประจำวัน การเลิกใช้ Twitter เป็นการ 'ตัดแขนขาปลอม' ของ 'ตัวตน' ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัลนี้ และทำให้ชีวิตของเขาสงบและมีสมาธิมากขึ้น
บทสรุป: การเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อการทำสมาธิ
การสนทนาระหว่าง Andrew Huberman และ Sam Harris ได้เปลี่ยนมุมมองของการทำสมาธิจาก 'การออกกำลังกายทางประสาทสัมผัส' ไปสู่การเดินทางอันลึกซึ้งเพื่อตระหนักถึง 'มายาแห่งตัวตน' และปลดล็อกอิสรภาพทางจิตใจที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม การทำสมาธิที่แท้จริงไม่ใช่การเพิ่มเติมสิ่งใดเข้าสู่ชีวิต แต่เป็นการ 'หยุด' การกระทำบางอย่าง คือการหยุดการถูกดึงดูดด้วยความคิด และตระหนักรู้ถึงธรรมชาติที่เปิดกว้างและไร้ศูนย์กลางของจิตสำนึกในทุกขณะของชีวิต
เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Dr. Sam Harris มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก บทความนี้เป็นเพียงการสรุปประเด็นสำคัญ แนะนำให้รับชมคลิปเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์และได้ประโยชน์สูงสุด
ดูคลิปเต็มด้านบน หรือสำรวจบทความเชิงลึกอื่น ๆ เกี่ยวกับจิตใจและการพัฒนาตนเองได้ที่นี่