ประเด็นสำคัญ
- ความล้มเหลวคือตัวเร่งการเติบโต: ความเจ็บปวดจากการสูญเสียครั้งใหญ่คือกุญแจสำคัญที่ปลดล็อกการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- เชื่อมโยงหลักการข้ามศาสตร์: ทักษะที่แท้จริงไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในศาสตร์เดียว แต่เป็นหลักการสากลที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกด้านของชีวิต
- ฝึกฝนการรับรู้: เรียนรู้ที่จะปรับระดับการโฟกัสจาก 'Pre-conscious' (สัญชาตญาณบริสุทธิ์) สู่ 'Post-conscious' (การบูรณาการความเข้าใจในความเป็นจริงและขีดจำกัด)
- กระบวนการ MIQ (Most Important Question): การตั้งคำถามที่สำคัญที่สุดก่อนนอนและทบทวนในตอนเช้า เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์จากจิตใต้สำนึก
- คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ: การใช้ชีวิตและการทำงานอย่างมีสติและตั้งใจในทุกช่วงเวลา นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว
ในบทสนทนาที่น่าสนใจนี้ Andrew Huberman ได้ต้อนรับ Josh Waitzkin ผู้ซึ่งมีเส้นทางชีวิตที่น่าทึ่ง เขาเป็นอดีตอัจฉริยะหมากรุกที่ผันตัวไปเป็นแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้ (ไทเก็กและบราซิลเลียนยิวยิตสู) และปัจจุบันเป็นโค้ชชั้นนำที่ปรึกษาให้กับผู้คนในหลากหลายวงการ ตั้งแต่การเงิน กีฬา ไปจนถึงการทหาร บทเรียนที่เขาแบ่งปันนั้นเกี่ยวกับการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง และการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้ง
เส้นทางสู่ความเป็นเลิศในหลากหลายศาสตร์
Josh เริ่มเล่นหมากรุกตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และกลายเป็นแชมป์ระดับประเทศและนานาชาติหลายสมัยในวัยเพียง 16 ปี ชีวิตในวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันและการแข่งขัน แต่ก็หล่อหลอมให้เขามีนิสัยที่ไม่ยอมปล่อยให้จุดอ่อนถูกละเลย หลังจากการเป็นแชมป์หมากรุก เขาก็ได้ผันตัวไปศึกษาศิลปะการต่อสู้ ปรัชญาตะวันออก และกีฬาทางน้ำอย่าง Foiling (คล้ายการโต้คลื่นบนฟอยล์) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวอย่างไม่หยุดนิ่ง
พลังแห่งความล้มเหลวและการเชื่อมโยงข้ามศาสตร์
หนึ่งในแก่นสำคัญที่ Josh และ Andrew พูดถึงคือ 'พลังแห่งความล้มเหลว' Josh เล่าถึงประสบการณ์การแพ้ในรอบสุดท้ายของการแข่งขันหมากรุกชิงแชมป์โลกเมื่ออายุ 17 ปี ซึ่งเป็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่กลับกลายเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งที่สุดในชีวิตของเขา ความล้มเหลวนี้ทำให้เขาได้เรียนรู้หลักการสำคัญที่ว่า 'การใช้พื้นที่ว่างเปล่าเข้าปะทะกับความก้าวร้าว' ซึ่งเป็นแนวคิดที่เขาไม่เคยเข้าใจมาก่อนในหมากรุก แต่กลับนำไปใช้ในการคว้าแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้หลายปีต่อมา
Josh ค้นพบว่าหลักการเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง แต่เป็น 'ความเชื่อมโยงเชิงธีม' (thematic interconnectedness) ที่ปรากฏในทุกแง่มุมของชีวิตและทุกสาขาวิชา การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้อผิดพลาดทางเทคนิค ปัจจัยทางจิตวิทยา และหลักการเชิงธีม จะช่วยให้เราสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
การฝึกฝนจิตใจและร่างกาย
Josh ได้พัฒนา 'กระบวนการ MIQ (Most Important Question)' ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้จิตใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการตั้งคำถามที่สำคัญที่สุดในตอนท้ายของวันทำงาน ปล่อยให้จิตใต้สำนึกประมวลผลระหว่างการนอนหลับ และกลับมาทบทวนคำถามนั้นอีกครั้งในตอนเช้าก่อนที่จะรับข้อมูลภายนอก การทำเช่นนี้จะช่วยเปิดช่องทางระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก นำไปสู่การค้นพบและข้อมูลเชิงลึกที่น่าทึ่ง
เขายังเน้นย้ำถึง 'สถาปัตยกรรมของวัน' (day architecture) โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ การจัดสรรเวลาสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ การพักผ่อน และการฟื้นตัวอย่างมีสติ การฝึกฝนร่างกาย เช่น การแช่น้ำเย็น (cold plunging) ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการฝึกฝนจิตใจให้ 'อยู่เหนือความเจ็บปวด' (living on the other side of pain) ซึ่งสามารถนำหลักการนี้ไปปรับใช้กับการเผชิญหน้ากับความท้าทายทางจิตใจในด้านอื่นๆ ของชีวิตได้
อัตตา (Ego) และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ
Josh มองว่าอัตตาไม่ควรเป็นสิ่งที่ยึดติดอยู่กับ 'ความเป็นฉัน' แบบตายตัว แต่ควรเป็น 'พลวัต' (dynamic) ที่พร้อมจะสำรวจและเปลี่ยนแปลงไปตามโลกที่เปลี่ยนไป เขาเชื่อในการ 'ทำลายเปลือกเก่า' และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ Marcelo Garcia นักต่อสู้ Jiu-Jitsu ระดับโลกที่ยอมทิ้งกลยุทธ์ที่ทำให้เขาเป็นแชมป์เพื่อสร้างสรรค์เทคนิคใหม่ๆ
ท้ายที่สุด Josh สรุปว่าการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพคือการฝึกฝนความตั้งใจ ความรัก และการเปิดรับในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ การทำงาน หรือการพัฒนาตนเอง การทำสิ่งต่างๆ ด้วยความตั้งใจและมุ่งเน้นคุณภาพจะส่งผลกระทบเชิงบวกไปทั่วทุกส่วนของชีวิต เหมือนกับการสร้างสรรค์ 'งานศิลปะแห่งชีวิต'
เนื้อหาของ Andrew Huberman และ Josh Waitzkin มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก การทำความเข้าใจหลักการเหล่านี้จะช่วยให้คุณพัฒนาการเรียนรู้และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น
ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกบทสนทนาที่สร้างแรงบันดาลใจนี้ หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ ต่อไป