ประเด็นสำคัญ
- ลำไส้ของเรามีเซลล์ประสาทรับความรู้สึก (neuropod cells) ที่ตรวจจับสารอาหาร อุณหภูมิ และ pH โดยตรง และส่งสัญญาณไปยังสมองอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ไม่ใช่แค่ผ่านฮอร์โมนช้าๆ อย่างที่เคยเชื่อกัน
- การทำงานของแกนสมอง-ลำไส้ส่งผลต่อความอยากอาหาร ความรู้สึกทางอารมณ์ (ความสุข เศร้า โกรธ) และพฤติกรรมต่างๆ ของเราในระดับจิตใต้สำนึกอย่างมาก
- การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารสามารถเปลี่ยนแปลงความชอบอาหารและความอยากอาหารได้อย่างสิ้นเชิง ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของลำไส้ในการกำหนดพฤติกรรมการกินและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดสุราได้
- ลำไส้รับรู้ปริมาณโปรตีนในอาหาร และจุลินทรีย์ในลำไส้สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนจำเป็นได้เมื่อได้รับใยอาหารที่เพียงพอ ซึ่งอธิบายว่าเหตุใดผู้ที่ทานมังสวิรัติบางคนจึงเจริญเติบโตได้ดี
Andrew Huberman ต้อนรับ Dr. Diego Bohórquez ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และประสาทวิทยาจาก Duke University ผู้บุกเบิกด้าน 'gut sensing' หรือแกนสมอง-ลำไส้ (gut-brain axis) ซึ่งต่างจากมุมมองดั้งเดิมที่เน้นไปที่ไมโครไบโอม (microbiome) Dr. Bohórquez เน้นไปที่การรับรู้โดยตรงที่เกิดขึ้นภายในลำไส้ของเรา
ลำไส้คือ 'โลกภายนอก' ที่ส่งสัญญาณตรงสู่สมอง
Dr. Bohórquez อธิบายว่าลำไส้เป็นอวัยวะเดียวที่สัมผัสกับโลกภายนอกโดยตรง คล้ายกับดวงตาที่รับแสง หรือหูที่รับเสียง ลำไส้ของเรามีเซลล์รับความรู้สึกที่ตอบสนองต่อสารอาหารเฉพาะส่วนต่างๆ ของอาหาร เช่น กรดอะมิโน ไขมัน น้ำตาล รวมถึงอุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง (pH) และสารอาหารรองอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังสมองโดยที่เราไม่รู้ตัว เพื่อขับเคลื่อนรูปแบบความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมเฉพาะ
การค้นพบเซลล์ Neuropod: การสื่อสารที่รวดเร็วและแม่นยำ
เดิมทีเข้าใจว่าเซลล์เอนเทอโรเอนโดไครน์ (enteroendocrine cells) ในลำไส้สื่อสารกับสมองผ่านการปล่อยฮอร์โมนเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ค่อนข้างช้า แต่ในปี 2015 Dr. Bohórquez ได้ทำการค้นพบครั้งสำคัญว่า เซลล์เหล่านี้บางส่วน (1/3 ถึง 2/3) มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบประสาทผ่าน 'นิวโรพอด' (neuropod) ซึ่งเป็นส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายแขนจากเซลล์ การเชื่อมต่อแบบซินแนปส์ (synaptic contact) โดยตรงนี้ทำให้ข้อมูลเดินทางจากลำไส้สู่สมองได้อย่างรวดเร็วในระดับมิลลิวินาที ซึ่งแตกต่างจากการทำงานของฮอร์โมนที่ใช้เวลาเป็นนาทีหรือชั่วโมง
การใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง เช่น Green Fluorescent Protein และ Rabies Virus ที่ถูกดัดแปลง ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นและติดตามการเชื่อมต่อของเซลล์เหล่านี้ได้ พวกเขาพบว่าเซลล์ neuropod ในลำไส้สามารถสร้างวงจรประสาทจำลองในจานเพาะเชื้อได้ และในร่างกาย เซลล์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกับเส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) โดยตรง ซึ่งเป็นทางด่วนที่ส่งข้อมูลไปยังก้านสมอง (brainstem) ได้อย่างรวดเร็ว
ลำไส้รับรู้สารอาหารได้อย่างละเอียด
เซลล์ neuropod มีตัวรับ (receptors) ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งในทางเดินอาหาร พวกมันสามารถตรวจจับน้ำตาล ไขมัน กรดอะมิโน อุณหภูมิ และ pH ตัวอย่างเช่น เมื่อเรากินน้ำตาลกลูโคส เซลล์จะตรวจจับรสหวาน ดูดซับกลูโคส และสร้างพลังงาน ATP ซึ่งจะกระตุ้นเซลล์ให้ปล่อยสารสื่อประสาทอย่างกลูตาเมต (glutamate) ไปยังเส้นประสาทเวกัสอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการปล่อยฮอร์โมน ซึ่งทั้งหมดนี้รวมกันเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์ของการบริโภคน้ำตาล
การทดลอง Optogenetics: ควบคุมความอยากอาหาร
ด้วยเทคนิค optogenetics ที่ใช้แสงควบคุมการทำงานของเซลล์ นักวิจัยสามารถปิดการทำงานของเซลล์ neuropod ในลำไส้ของสัตว์ทดลองได้ ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งคือ สัตว์เหล่านี้ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำตาลจริงกับสารให้ความหวานที่ไม่มีแคลอรี่ได้อีกต่อไป ราวกับว่าพวกมัน 'ตาบอด' ต่อความหวานในลำไส้ ในทางกลับกัน หากเปิดการทำงานของเซลล์เหล่านี้ สัตว์จะดื่มน้ำเปล่าราวกับว่ามันคือน้ำตาล แสดงให้เห็นว่าการรับรู้ของลำไส้ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการแสวงหาอาหาร
การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารและการเปลี่ยนแปลงความอยาก
Dr. Bohórquez เล่าเรื่องของผู้ป่วยที่เคยเกลียดไข่แดง แต่หลังจากผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหาร (gastric bypass surgery) กลับมีความอยากไข่แดงอย่างรุนแรง การผ่าตัดนี้เกี่ยวข้องกับการลดขนาดกระเพาะอาหารและตัดทางลัดลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการทำงานของระบบรับความรู้สึกในทางเดินอาหาร ความไวต่อสารอาหารเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหารยังมีความเสี่ยงในการเกิดอาการติดสุราสูงขึ้น 2-7 เท่า ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบการให้รางวัล (reward system) ที่เชื่อมโยงกับลำไส้
สมมติฐาน Protein Leverage: ลำไส้แสวงหาโปรตีน
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าลำไส้สามารถรับรู้ปริมาณโปรตีนในอาหาร หากอาหารมีโปรตีนต่ำ สัตว์ทดลองจะกินมากขึ้นเพื่อชดเชยโปรตีนที่ขาดหายไป แต่หากไม่มีโปรตีนเลย สัตว์จะหลีกเลี่ยงอาหารนั้น เว้นแต่ว่าอาหารนั้นมีใยอาหารสูง ซึ่งในกรณีนี้ จุลินทรีย์ในลำไส้สามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนจำเป็นได้เอง นี่อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกนจำนวนมากที่บริโภคใยอาหารสูงจึงสามารถรักษาสุขภาพที่ดีได้
ภูมิปัญญาจากพืชและวิถีชีวิตในแอมะซอน
Dr. Bohórquez เติบโตในป่าแอมะซอนของเอกวาดอร์ ซึ่งทำให้เขามีมุมมองที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับพืชและธรรมชาติ เขาเชื่อว่าพืชมี 'ภูมิปัญญา' ที่สะสมมานานหลายล้านปี ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ได้จากปฏิสัมพันธ์กับพวกมัน เช่น การจัดวางพืชผักในการทำเกษตรแบบดั้งเดิม (เช่น ฟักทอง ข้าวโพด ถั่ว) เพื่อให้ได้สารอาหารที่สมบูรณ์ หรือการใช้สมุนไพรพื้นเมืองเพื่อการรักษา
เขาเล่าถึงพิธีกรรมการดื่ม Guayusa ในตอนเช้าของชนพื้นเมืองแอมะซอน ซึ่งเป็นการเริ่มต้นวันด้วยการพูดคุยในครอบครัว วางแผนกิจกรรม และได้รับพลังงานจาก Guayusa ที่ช่วยลดความอยากอาหาร และเมื่อผสมกับช็อกโกแลตคุณภาพดีจากต้นโกโก้ที่เชื่อว่ามีต้นกำเนิดในเอกวาดอร์ ก็จะกลายเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานและประสบการณ์ที่นุ่มนวล
การเชื่อมโยงของลำไส้กับสมองและสัญชาตญาณ
ข้อมูลจากลำไส้ถูกส่งไปยังส่วนต่างๆ ของสมอง เช่น ก้านสมอง (brainstem) และ nucleus tractus solitarius (NTS) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมความหิวและความอยากอาหาร จากนั้นจะเชื่อมต่อไปยังไฮโปทาลามัส (hypothalamus) และ สไตรอาตัม (striatum) ซึ่งเป็นบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งโดปามีน ความรู้สึกพึงพอใจ และการให้รางวัล
นอกจากนี้ ลำไส้ยังสร้างรูปแบบไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามการอดอาหาร การกิน และจังหวะชีวิต (circadian rhythms) ซึ่งอาจมีผลต่ออารมณ์ของเรา เช่น เมื่อเราหิวจัดแล้วหงุดหงิด อาจเกิดจากความไม่สอดคล้องของคลื่นไฟฟ้าในระบบทางเดินอาหารและสมอง
แนวคิดเรื่อง 'สัญชาตญาณจากลำไส้' (gut intuition) ที่เรามักจะ 'รู้สึก' ดีหรือไม่ดีกับคนหรือสถานการณ์บางอย่าง อาจเกี่ยวข้องกับการสะสมประสบการณ์ในจิตใต้สำนึกที่ส่งผ่านระบบประสาทเวกัส Walter Cannon นักสรีรวิทยาเคยศึกษาเรื่อง 'Voodoo Death' ซึ่งชี้ให้เห็นว่าความเชื่อหรือการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไขสามารถกระตุ้นระบบประสาทส่วนปลาย (peripheral nervous system) ให้ทำงานเกินปกติ จนส่งผลต่อร่างกายได้
เส้นประสาทเวกัสเองก็เป็นทางด่วนที่ซับซ้อน สามารถกระตุ้นได้ทั้งความสงบ (rest and digest) และความตื่นตัว (arousal) หรือแม้แต่ความกลัว ขึ้นอยู่กับบริบทและการเรียนรู้ ดังนั้น การรับฟังและทำความเข้าใจสัญญาณจากร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
รับฟังร่างกายของคุณ
Dr. Bohórquez เน้นย้ำว่าการเรียนรู้ที่จะรับฟังร่างกายของเรานั้นสำคัญอย่างยิ่ง ในสังคมสมัยใหม่เรามักถูกสอนให้ละเลยสัญญาณจากร่างกายเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ แต่การใส่ใจกับความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ จากลำไส้ เช่น ความรู้สึกไม่สบายเท้าขณะวิ่ง (จากประสบการณ์ส่วนตัวของเขา) สามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่รวมถึงการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิตด้วย
เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Dr. Diego Bohórquez มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก การทำความเข้าใจระบบที่ซับซ้อนนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจเรื่องอาหารและสุขภาพได้ดีขึ้น แนะนำให้ดูฉบับเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์และรับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวชีวิตของ Dr. Bohórquez
ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกความมหัศจรรย์ของแกนสมอง-ลำไส้