ประเด็นสำคัญ
- ความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้มาจากแค่ภายในตัวเรา แต่เป็น 'พลังงาน' จากจักรวาลที่เราเป็นเสาอากาศรับรู้
- เด็กๆ มีความคิดสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ เพราะไม่มีกรอบความคิดหรือกฎเกณฑ์มาจำกัด
- การรับรู้ถึงความคิดสร้างสรรค์คือการ 'รู้สึก' ถึงพลังงานที่พลุ่งพล่านในร่างกาย ไม่ใช่กระบวนการทางปัญญา
- กระบวนการสร้างสรรค์มี 4 ระยะ: การเก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์, การทดลอง, การประดิษฐ์, และการทำให้สมบูรณ์ ซึ่งแต่ละระยะมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน
- การฝึกสมาธิ การดูมวยปล้ำ หรือการเปิดรับสิ่งที่ไม่คาดคิด ช่วย 'ชำระล้างจิตใจ' และเปิดทางให้ไอเดียใหม่ๆ เข้ามา
ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เรื่องของ 'พรสวรรค์' แต่เป็น 'การเข้าถึง'
Andrew Huberman ได้รับเกียรติสัมภาษณ์ Rick Rubin โปรดิวเซอร์เพลงระดับตำนานที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินมากมาย Rick Rubin ได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ชื่อ "The Creative Act: A Way of Being" ที่ Huberman อ่านถึง 3-4 รอบ และแนะนำอย่างยิ่งยวด หนังสือเล่มนี้ไม่ได้พูดถึงแค่ดนตรี แต่เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่ใช้ได้กับทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นการเขียน ภาพยนตร์ วิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวัน
Rick Rubin มองว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเปรียบเสมือน "ก้อนเมฆ" หรือ "ความฝัน" ที่ไม่แน่นอน เมื่อเราตื่นขึ้นมาอาจจำได้เพียงบางส่วน หากเราเขียนมันลงไป เราอาจจะเข้าใจมันในอนาคต หรือไม่เข้าใจเลยก็ได้ มันไม่ใช่กระบวนการทางปัญญา แต่เป็นความรู้สึกที่จับต้องยาก เช่น ความตื่นเต้น ความสนใจ ความอยากรู้อยากเห็น หรือความรู้สึกที่อยากจะ "ก้าวไปข้างหน้า"
ทำไมเด็กถึงสร้างสรรค์กว่าผู้ใหญ่?
Rick Rubin เชื่อว่าเด็กๆ มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าผู้ใหญ่ เพราะพวกเขายัง "เปิดกว้าง" ไม่มีกรอบความเชื่อ ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ต้องทำตาม พวกเขามองเห็นโลกในแบบที่มันเป็น และเรียนรู้ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่มักจะเลือกรับข้อมูลเพื่อความอยู่รอด หรือทำตามสิ่งที่เคยได้เห็นมา การเลียนแบบอาจเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนทักษะ แต่การค้นพบ "เสียง" ของตัวเองต่างหากคือหัวใจของความคิดสร้างสรรค์
สัญญาณจากร่างกาย: การรับรู้ 'พลังงาน' ของไอเดีย
เมื่อ Rick Rubin สัมผัสได้ถึงความคิดสร้างสรรค์ที่มีคุณค่า เขาจะรู้สึกถึง "พลังงานที่พลุ่งพล่าน" ในร่างกาย ซึ่งเขาจำได้ว่าเริ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ได้ยินเพลงของ The Beatles ตอนอายุ 3-4 ขวบ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ความคิด แต่เป็นสัญชาตญาณที่บอกว่า "มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นี่" และเขาต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม
ในการทำงานกับศิลปิน Rick จะไม่ใช้ภาษาเพื่อสั่งการ แต่จะใช้การ "แนะนำ" สิ่งที่สามารถลงมือทำได้ทันที และทดลองดูว่ามันจะนำไปสู่ทิศทางใด เปรียบเสมือนกับการชิมอาหารสองจานแล้วเลือกจานที่ชอบ ความคิดสร้างสรรค์ก็เช่นกัน คือการเลือกสิ่งที่ "รู้สึกใช่" สำหรับตัวเราเอง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ศิลปินต้องรู้จัก "เป็นเจ้าของความรู้สึก" ของตัวเอง และแสดงออกในแบบของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเอาใจใคร
เมื่อ 'กฎ' ไม่ใช่ 'กรอบ' แต่เป็น 'เครื่องมือ'
ในโลกของศิลปะ กฎเกณฑ์ต่างๆ มีไว้เพื่อเป็น "โครงสร้าง" ที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือทลายลงได้ตามความเหมาะสม บางครั้งการจำกัดทางเลือก เช่น การใช้สีเพียงสองสีในการวาดภาพ กลับบังคับให้เราแก้ปัญหาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และนำไปสู่ผลงานที่แปลกใหม่
Rick Rubin เชื่อว่าในยุคดิจิทัลที่มีทางเลือกมากมาย การเข้าใจความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ไขว้เขวจากความคิดเห็นภายนอก คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับศิลปิน ข้อมูลภายนอกอาจเป็นประโยชน์ แต่หากมันบั่นทอนความชัดเจนในการเชื่อมโยงกับผลงานที่เราสร้างขึ้น มันอาจเป็นผลเสียต่อศิลปะ
แหล่งกำเนิด (The Source) ของความคิดสร้างสรรค์
Rick Rubin มองว่า "แหล่งกำเนิด" ของความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้มาจากภายในตัวเราเท่านั้น แต่มาจาก "หลักการจัดระเบียบของทุกสิ่ง" ในจักรวาล เช่นเดียวกับการเติบโตของต้นไม้ ภูเขา หรือการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ เราเป็นเพียง "เสาอากาศ" หรือ "ยานพาหนะ" ที่เชื่อมโยงกับพลังงานนี้ เพื่อให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นในโลก
การเปลี่ยนมุมมอง: ความจริงและเรื่องเล่า
Andrew Huberman และ Rick Rubin พูดถึงแนวคิดที่ว่าสมองของเราสร้าง "เรื่องเล่า" ขึ้นมาเพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ ที่เราเห็นและประสบการณ์ ซึ่งอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด การรับรู้ของเราถูกจำกัดด้วย "ตัวกรอง" ทางชีววิทยาและสังคม Rick Rubin ยกตัวอย่างมวยปล้ำอาชีพ (Pro-Wrestling) ว่ามัน "จริง" กว่าโลกภายนอก เพราะทุกคนรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกจัดฉากขึ้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เรามักจะเชื่อเรื่องเล่าที่เราสร้างขึ้นมาเองว่าเป็นความจริง
การ "พิจารณาตรงกันข้าม" (entertaining the idea of the opposite being true) เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดมุมมองใหม่ๆ เช่นเดียวกับที่สีน้ำเงินจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีสีเหลืองอยู่ตรงกันข้าม กลางคืนจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีกลางวัน การมองเห็นอีกด้านหนึ่งของสิ่งต่างๆ จะช่วยให้เราเรียนรู้ได้มากขึ้น
กระบวนการสร้างสรรค์ 4 ระยะ โดย Rick Rubin
Rick Rubin ได้แบ่งกระบวนการสร้างสรรค์ออกเป็น 4 ระยะ ที่ไม่ได้เป็นเส้นตรง แต่สามารถย้อนกลับไปมาได้:
- ระยะการเก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์ (Seed Collecting Phase): เป็นช่วงของการเปิดรับสิ่งต่างๆ รอบตัวที่น่าสนใจ ไม่มีกำหนดเวลาตายตัว แค่สนใจและอยากเรียนรู้เพิ่มเติม
- ระยะการทดลอง (Experimentation Phase): เริ่มทดลองกับเมล็ดพันธุ์ที่เก็บมาได้ เพื่อดูว่ามันอยากจะเป็นอะไร เรามีส่วนร่วมแต่ไม่ได้เป็นผู้กำหนดทิศทางทั้งหมด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน แต่ไม่สามารถบังคับให้มันเติบโตได้
- ระยะการประดิษฐ์ (Crafting Phase): เมื่อเมล็ดพันธุ์เริ่มงอกเงย เราจะเริ่ม "ประดิษฐ์" หรือ "จัดแต่ง" มัน อาจจะตัดแต่ง ผสมผสานกับสิ่งอื่น เพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
- ระยะการทำให้สมบูรณ์ (Completion/Finishing Phase): เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแก้ไขและทำให้ผลงานสมบูรณ์พร้อมที่จะแบ่งปันกับโลก ในระยะนี้สามารถกำหนด "เส้นตาย" ได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อโครงการ และบางครั้งอาจช่วยให้โครงการเสร็จสิ้นได้เร็วขึ้นด้วย
การจัดการกับความสงสัยในตนเอง (Self-Doubt)
ความสงสัยในตนเองมีอยู่ในตัวเราทุกคน และมันสามารถเป็นได้ทั้งตัวช่วยและตัวบั่นทอน Rick Rubin ชี้ว่าความสงสัยสามารถเป็น "เครื่องมือสร้างสมดุล" ที่ทำให้เราตั้งคำถามว่า "นี่ดีที่สุดแล้วหรือยัง?" มันผลักดันให้เราก้าวไปไกลกว่าการยอมรับเพียงแค่ว่า "ฉันทำมันแล้ว มันก็ดีแล้ว" การตั้งคำถามนี้สามารถนำไปสู่ผลงานชิ้นเอกได้
การชำระล้างจิตใจด้วยมวยปล้ำและสมาธิ
Rick Rubin ดูมวยปล้ำอาชีพ (Pro-Wrestling) ประมาณ 11 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพราะมันช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลายและไม่ต้องคิดอะไรมาก มวยปล้ำเป็นเหมือน "บัลเลต์" ที่ไม่มีการแข่งขัน ทุกคนทำงานร่วมกันเพื่อสร้างการแสดงที่ดีที่สุด มีทักษะที่ยอดเยี่ยม และคาดเดาสิ่งที่ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา มันช่วย "ชำระล้างจิตใจ" และทำให้เขานอนหลับได้ดี
นอกจากนี้ Rick Rubin ยังฝึกสมาธิ (Meditation) มาตั้งแต่อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการ "ล้างความสับสน" ในจิตใจ เขาแนะนำการทำสมาธิแบบกำหนดลมหายใจ หรือสมาธิแบบการรับรู้ (Awareness Meditation) ที่เน้นการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยไม่มีการตัดสินหรือสร้างเรื่องราว เพื่อให้จิตใจสงบและเปิดรับ
กุญแจสู่ความคิดสร้างสรรค์: การใส่ใจในปัจจุบัน
โดยสรุปแล้ว Rick Rubin เชื่อว่าการมีความสุขหรือไม่ ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่ากับความสามารถในการ "ใส่ใจ" และ "ไม่ถูกรบกวน" จากสิ่งรอบข้าง การอยู่กับปัจจุบันขณะในงานที่เราทำคือสิ่งสำคัญที่สุด และความเชื่อที่เรามีนั้นมีพลังอย่างมหาศาล หากเราเชื่อว่าเราสามารถสร้างสรรค์สิ่งยิ่งใหญ่ได้ โอกาสที่จะทำสำเร็จก็มีมากขึ้น
Andrew Huberman เน้นย้ำว่าโลกภายนอกมี "เบาะแส" ของความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา หากเราใส่ใจ เราจะเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด และบางครั้งจักรวาลก็สนับสนุนให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นผ่านตัวเรา
เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman และ Rick Rubin มีความลึกซึ้งและละเอียดอ่อนมาก แนะนำให้รับชมคลิปเต็มเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในแต่ละประเด็น
หากคุณต้องการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณ ลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และอย่าลืมติดตาม Huberman Lab เพื่อเนื้อหาดีๆ อีกมากมาย!