ปลดล็อกศักยภาพสูงสุด: พลังของ Growth Mindset, การมองความเครียดเป็นโอกาส และ Mentor Mindset

วันนี้เรามาสรุปคลิปจากช่อง Andrew Huberman ที่พูดถึงเรื่อง Mindset ในหลายมิติ ซึ่งมีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่สนใจการพัฒนาตนเองและการเข้าใจกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยมี Dr. David Yeager ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก University of Texas at Austin ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิจัยชั้นนำของโลกด้าน Growth Mindset และ Stress as Performance Enhancing Mindset มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษ

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • Growth Mindset คือความเชื่อที่ว่าความสามารถและศักยภาพของเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ภายใต้เงื่อนไขและการสนับสนุนที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่การพยายามอย่างหนักเท่านั้น
  • Stress as Performance Enhancing Mindset คือการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อความเครียดทางกายภาพ (เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก) จากสัญญาณของความล้มเหลวให้เป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังเตรียมพร้อมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
  • Mentor Mindset ผสมผสานการตั้งมาตรฐานที่สูงเข้ากับการให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ช่วยให้ผู้คนยอมรับคำวิจารณ์และเติบโต โดยเฉพาะในช่วงอายุ 10-25 ปี
  • การแทรกแซงด้าน Mindset ที่ใช้เวลาสั้นๆ เพียง 25 นาที สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืนได้นานถึง 4 ปี โดยเน้นการให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เรื่องราวจากคนที่มีประสบการณ์ และการให้ผู้เรียนเขียนเล่าเรื่องราวของตนเอง
  • แรงจูงใจที่ทรงพลังที่สุดมักมาจากการมองว่าความพยายามและทักษะที่เราได้รับนั้นจะนำไปสู่การ 'มีส่วนร่วม' หรือสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นและโลกใบนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น

Dr. David Yeager ได้ร่วมพูดคุยกับ Andrew Huberman ในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ Mindset ที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ ประสิทธิภาพ และการเติบโตของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน

Growth Mindset: ความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

Growth Mindset คือความเชื่อที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังว่าความสามารถและศักยภาพของเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ ไม่ใช่การเชื่อว่าเราทำอะไรก็ได้หากพยายาม แต่เป็นการเชื่อว่าภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมและการสนับสนุนที่ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ แนวคิดนี้ตรงข้ามกับ Fixed Mindset ที่เชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งตายตัว ทำให้เกิดความเครียดเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทาย

งานวิจัยในปี 2019 ที่ตีพิมพ์ใน Nature แสดงให้เห็นว่าการแทรกแซง Growth Mindset สั้นๆ เพียงสองครั้ง ครั้งละ 25 นาที สำหรับนักเรียนเกรด 9 สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น มีแนวโน้มได้เกรดดีขึ้น เข้าเรียนวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูงขึ้น และแม้กระทั่งส่งผลดีต่อการเรียนในระดับวิทยาลัย 4 ปีต่อมา ผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการออกแบบการทดลองที่เข้มงวด เพื่อตอบข้อสงสัยทางวิทยาศาสตร์

กลไกสำคัญของ Growth Mindset คือการเปลี่ยนการตอบสนองต่อความล้มเหลว ใน Fixed Mindset ผู้คนมักจะปกป้องอีโก้และหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อบกพร่อง แต่ใน Growth Mindset ความผิดพลาดถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และเป็นโอกาสในการเติบโต งานวิจัยหนึ่งพบว่าเมื่อนักศึกษาทำคะแนนได้ไม่ดี กลุ่ม Fixed Mindset จะเปรียบเทียบกับคนที่ทำได้แย่กว่าเพื่อฟื้นฟูความมั่นใจ ในขณะที่กลุ่ม Growth Mindset จะมองหาคนที่ทำได้ดีกว่าเพื่อเรียนรู้และปรับปรุง

Wise Interventions: สร้าง Mindset ที่ยั่งยืน

การแทรกแซง Mindset ระยะสั้น (Wise Interventions) ที่มีประสิทธิภาพนั้นประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่: 1) การนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจและมีประโยชน์ 2) การแบ่งปันเรื่องราวจากผู้คนที่มีประสบการณ์คล้ายกันที่นำแนวคิดเหล่านั้นไปใช้แล้วได้ผล และ 3) การให้ผู้เข้าร่วมเขียนเรื่องราวของตนเองเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เคยเผชิญความยากลำบากแล้วนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ ซึ่งเรียกว่า 'Saying is Believing' โดยใช้การเปรียบเปรยว่า 'สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ' ที่จะแข็งแรงขึ้นเมื่อถูกท้าทาย

แนวคิดพื้นฐานคือมนุษย์มีการสร้าง 'ทฤษฎีพื้นฐาน' (Lay Theory) เพื่ออธิบายโลก การให้เรื่องราวที่แตกต่างออกไปจะช่วยปรับเปลี่ยนทฤษฎีเหล่านี้ ทำให้คนตีความประสบการณ์ต่างๆ แตกต่างกัน และนำไปสู่การตอบสนองที่เปลี่ยนไป เมื่อคนเริ่มเชื่อว่าความยากลำบากนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และลงมือทำตามขั้นตอนเพื่อปรับปรุง พวกเขาก็จะเห็นผลลัพธ์จริง และกระบวนการนี้จะดำเนินต่อไป

Stress as Performance Enhancing Mindset: เปลี่ยนความเครียดเป็นพลัง

ความเครียดมักถูกมองว่าเป็นสิ่งเลวร้ายที่ขัดขวางประสิทธิภาพ แต่ Dr. Yeager อธิบายถึงแนวคิด 'Stress as Performance Enhancing Mindset' ที่เปลี่ยนมุมมองนี้ เมื่อเราเผชิญความเครียดทางกายภาพ เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก แทนที่จะตีความว่าเป็นสัญญาณของความล้มเหลว เราสามารถมองว่าเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังเตรียมพร้อมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เช่น หัวใจที่เต้นเร็วอาจหมายถึงการส่งออกซิเจนไปยังสมองและกล้ามเนื้อมากขึ้น

การเปลี่ยน Mindset เกี่ยวกับความเครียดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงการตอบสนองทางสรีรวิทยาของร่างกายได้จริง การจับคู่แนวคิดนี้กับ Growth Mindset จะช่วยให้เราเปิดรับความท้าทายและใช้ความเครียดเป็นทรัพยากรในการพัฒนาตนเองได้ การทำความเข้าใจระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) และระดับการตื่นตัว (Arousal) จะช่วยให้เราประเมินว่าร่างกายอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้าหรือไม่

Mentor Mindset: การสร้างการเติบโตผ่านการสนับสนุน

Mentor Mindset คือแนวทางที่ผู้นำ ผู้จัดการ โค้ช หรือผู้ปกครอง ใช้ในการวิจารณ์งานของผู้อื่นพร้อมกับสร้างแรงจูงใจให้พวกเขาเอาชนะและยอมรับคำวิจารณ์นั้น มันแก้ปัญหา 'Mentor's Dilemma' ที่มักจะเลือกระหว่างการรักษามาตรฐานสูงแต่เสี่ยงทำลายกำลังใจ หรือการสนับสนุนแต่ไม่ช่วยให้เติบโต

วิธีแก้คือการสื่อสารสองสิ่งพร้อมกัน: 1) การตั้งมาตรฐานที่สูงมากสำหรับผลงาน และ 2) การให้ความมั่นใจว่าหากพวกเขาใช้คำแนะนำและการสนับสนุน พวกเขามีความสามารถที่จะบรรลุมาตรฐานนั้นได้ แนวทางนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถูกให้ความสำคัญและเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของพวกเขา

แรงขับเคลื่อนของมนุษย์: การมีส่วนร่วมและการเรียนรู้

มนุษย์มีแรงขับเคลื่อนโดยธรรมชาติในการพัฒนาตนเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นที่ต้องการการยอมรับทางสังคม Dr. Yeager ชี้ให้เห็นว่าการค้นหา 'คุณค่าการมีส่วนร่วม' (Contribution Value) ในกลุ่มสังคมเป็นสิ่งสำคัญ การทำความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่สังคมให้คุณค่า จะกระตุ้นให้เยาวชนพยายามพัฒนาตนเองในด้านนั้นๆ

งานวิจัยยังพบว่า Mindset สามารถเป็นได้ทั้งแบบ 'ทั่วไป' (General) และ 'เฉพาะด้าน' (Domain-Specific) หากคุณเชื่อว่าความฉลาดของคุณสามารถพัฒนาได้ คุณก็มักจะเชื่อว่าบุคลิกภาพหรือความสัมพันธ์ทางสังคมก็สามารถพัฒนาได้เช่นกัน แต่เมื่อต้องการทำนายพฤติกรรม การมี Mindset ที่เฉพาะเจาะจงกับโดเมนนั้นๆ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

พลังของ 'การมีส่วนร่วม' (Contribution Mindset)

แนวคิดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ 'Contribution Mindset' หรือการมองว่าความพยายามและทักษะที่เราได้รับนั้นจะนำไปสู่การ 'มีส่วนร่วม' หรือสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นและโลกใบนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อนักเรียนถูกกระตุ้นด้วยโอกาสในการเรียนรู้เพื่อ 'สร้างความแตกต่าง' พวกเขามีแนวโน้มที่จะเรียนรู้ได้ลึกซึ้งขึ้น มีความพากเพียรมากขึ้น และได้เกรดสูงขึ้น

การเชื่อมโยงความพยายามเข้ากับการมีส่วนร่วมทำให้กระบวนการที่ยากลำบากกลายเป็นรางวัลในตัวเอง ยิ่งยากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความหมายและสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากการทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งความล้มเหลวอาจนำไปสู่ความอับอายและท้อแท้ แต่เมื่อทำเพื่อผู้อื่น ความพยายามและความล้มเหลวจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่น่ายกย่อง

วัฒนธรรมแห่งการเติบโตและการวิพากษ์อย่างสร้างสรรค์

Mary Murphy ได้เขียนหนังสือ 'Cultures of Growth' ที่อธิบายว่า Fixed Mindset สามารถเป็นตัวแปรทางวัฒนธรรมในองค์กรได้ ในวัฒนธรรมที่กลัวความผิดพลาด ผู้คนมักจะปกปิดความผิดพลาดและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและปัญหาที่สะสม แต่ใน 'วัฒนธรรมแห่งการเติบโต' (Culture of Growth) ความผิดพลาดถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา ทำให้คนกล้าที่จะตรวจสอบและแก้ไข

ตัวอย่างเช่น ห้องแล็บฟิสิกส์ของ Kavon Stassen ที่ Vanderbilt ซึ่งเน้นการรับนักศึกษาที่มีแรงขับเคลื่อนและความมุ่งมั่น มากกว่าคะแนนสอบ GRE และมีการประชุมรายสัปดาห์ที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์งานวิจัยของกันและกันอย่างตรงไปตรงมา แต่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของแต่ละคน ทำให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก

Dr. David Yeager ได้ทิ้งท้ายด้วยเรื่องราวส่วนตัวของเขาที่เปลี่ยนเส้นทางจากการเป็นนักกฎหมายมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านจิตวิทยา โดยมีแรงบันดาลใจจากการเห็นผู้คนใช้ทักษะของตนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับโลกใบนี้ ซึ่งสะท้อนถึงหลักการ 'Contribution Mindset' ที่เขาได้ศึกษามาตลอด

เนื้อหาของ Dr. David Yeager และ Dr. Andrew Huberman มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก การทำความเข้าใจ Growth Mindset, Stress as Performance Enhancing Mindset และ Mentor Mindset ไม่เพียงช่วยให้เราพัฒนาตนเองได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราเป็นผู้นำและผู้สนับสนุนที่ดีขึ้นสำหรับผู้อื่นด้วย

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกรายละเอียดและกรณีศึกษาที่น่าสนใจ หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ ต่อไป