ปลดล็อกศักยภาพ: Growth Mindset และพลังของ 'Stress is Enhancing' โดย Andrew Huberman

วันนี้เรามาสรุปคลิปจากช่อง Andrew Huberman ที่พูดถึงเรื่อง Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset ซึ่งเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยอธิบายกลไกทางประสาทวิทยาที่อยู่เบื้องหลัง และนำเสนอเครื่องมือที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และผลงานในทุกด้านได้อย่างน่าทึ่ง

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • คำชมที่เน้น 'ความเป็นคนฉลาด' หรือ 'พรสวรรค์' อาจบั่นทอนประสิทธิภาพในระยะยาว โดยเฉพาะกับผู้ที่ทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว
  • คำชมที่เน้น 'ความพยายาม' และ 'กระบวนการ' จะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ พัฒนา และกล้าเผชิญความท้าทายมากขึ้น
  • Growth Mindset คือการเชื่อว่าความสามารถของเราพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งตรงข้ามกับ Fixed Mindset ที่เชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและเปลี่ยนแปลงไม่ได้
  • 'Stress is Enhancing Mindset' คือการเปลี่ยนมุมมองต่อความเครียด โดยมองว่าสัญญาณทางกายภาพของความเครียด (เช่น หัวใจเต้นเร็ว) เป็นการระดมทรัพยากรของร่างกายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่สัญญาณของอันตราย
  • การผสาน Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset เข้าด้วยกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และผลงานได้อย่างเห็นผลในทุกสถานการณ์

Growth Mindset: สมองที่พร้อมเรียนรู้และปรับเปลี่ยน

Andrew Huberman เปิดประเด็นด้วยแนวคิดของ Growth Mindset ซึ่งเป็นหลักการทางจิตวิทยาที่ทรงพลัง โดยเชื่อว่าความสามารถของเราไม่ได้ตายตัว แต่สามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้ นี่คือหัวใจสำคัญของ Neuroplasticity หรือความสามารถของสมองในการเปลี่ยนแปลงและสร้างการเชื่อมต่อใหม่ ๆ ตลอดชีวิต

Huberman เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้แม้ในวัยผู้ใหญ่ หากเราทุ่มเททรัพยากรความสนใจให้กับการเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม การพูดถึง Growth Mindset จะไม่สมบูรณ์หากไม่กล่าวถึง Carol Dweck ผู้บุกเบิกแนวคิดนี้ และนักวิจัยคนอื่น ๆ เช่น Ali Crum และ David Yeager ที่ได้ขยายผลการนำไปใช้ทั้งในและนอกห้องเรียน

Mindset คืออะไร? กรอบความคิดที่จัดระเบียบข้อมูล

ก่อนจะเจาะลึกไปกว่านี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า Mindset คืออะไร ตามคำนิยามของ Dr. Ali Crum จาก Stanford Mindset คือ 'กรอบความคิดหรือเลนส์ที่คัดเลือก จัดระเบียบ และเข้ารหัสข้อมูล' ซึ่งช่วยให้เราให้ความสนใจกับบางสิ่งและละเลยบางสิ่งไป Mindset ยังรวมถึง 'ชุดเรื่องเล่า' (narratives) ที่เรามีต่อตัวเองและโลกรอบตัว ซึ่งมักผูกติดอยู่กับตัวตนของเราโดยไม่รู้ตัว

คำชมแบบใดสร้างหรือทำลายศักยภาพ?

งานวิจัยชิ้นสำคัญของ Carol Dweck และ Claudia Mueller ที่ตีพิมพ์ในปี 1998 ได้เผยผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ โดยพบว่า 'คำชมที่เน้นความฉลาด' (intelligence praise) เช่น 'เธอฉลาดมาก' 'เธอมีพรสวรรค์' กลับบั่นทอนแรงจูงใจและประสิทธิภาพของเด็กในระยะยาว เด็กที่ได้รับคำชมประเภทนี้มักจะเลือกความท้าทายที่ง่ายกว่า เพื่อรักษาสถานะ 'คนฉลาด' ของตนเองไว้ และเมื่อเผชิญกับความล้มเหลว ประสิทธิภาพของพวกเขากลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มที่จะบิดเบือนผลงานของตนเอง

ในทางกลับกัน 'คำชมที่เน้นความพยายาม' (effort praise) เช่น 'เธอพยายามได้ดีมาก' 'เธอมีความมุ่งมั่น' กลับส่งเสริมให้เด็กกล้าเลือกความท้าทายที่ยากขึ้น มีความเพียรพยายามมากขึ้น และทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การให้ฟีดแบ็กที่ถูกต้อง โดยเน้น 'กริยา' (verbs) หรือ 'กระบวนการ' แทนที่จะเป็น 'คำคุณศัพท์' (labels) หรือ 'ตัวตน' เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

กลไกในสมอง: Growth Mindset ตอบสนองต่อความผิดพลาดอย่างไร?

การวิจัยโดย Mangles และ Dweck ได้ใช้เทคนิค ERP (Event-Related Potentials) เพื่อศึกษาการทำงานของสมองเมื่อผู้คนเผชิญกับความผิดพลาด ผลพบว่า ผู้ที่มี Fixed Mindset จะมีการตอบสนองทางอารมณ์ต่อความผิดพลาดที่รุนแรงกว่า (กิจกรรมใน anterior cingulate cortex ส่วน rostral ACC) ในขณะที่ผู้ที่มี Growth Mindset จะใช้ทรัพยากรสมองไปกับการประเมินและทำความเข้าใจข้อผิดพลาดในเชิงรับรู้ (กิจกรรมใน dorsal ACC) นี่คือหัวใจสำคัญที่อธิบายว่าทำไม Growth Mindset จึงนำไปสู่การเรียนรู้และพัฒนาที่ดีกว่า

'Stress is Enhancing Mindset': เปลี่ยนความเครียดให้เป็นพลัง

เพื่อเสริมสร้าง Growth Mindset ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น Andrew Huberman ได้แนะนำแนวคิดที่สองคือ 'Stress is Enhancing Mindset' ซึ่งพัฒนาโดย Dr. Ali Crum งานวิจัยของเธอชี้ให้เห็นว่า 'วิธีคิดของเราเกี่ยวกับความเครียดส่งผลต่อปฏิกิริยาที่เรามีต่อความเครียดอย่างมาก' หากเราได้รับข้อมูลว่าความเครียดส่งผลเสียต่อร่างกายและประสิทธิภาพ เราก็จะประสบกับผลเสียเหล่านั้นจริง ๆ แต่หากเราได้รับการสอนว่าความเครียดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ เราก็จะทำผลงานได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญกับความเครียด

ความเครียดไม่ได้ดีหรือไม่ดีโดยธรรมชาติ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราตีความสัญญาณทางกายภาพของความเครียดอย่างไร (เช่น อัตราการเต้นของหัวใจที่สูงขึ้น, การโฟกัสที่แคบลง) หากเรามองว่าเป็น 'การระดมทรัพยากร' ของร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมรับมือความท้าทาย ผลลัพธ์ทางสรีรวิทยาและจิตวิทยาของเราก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เช่น การหลั่งคอร์ติซอลลดลง, ปริมาณเลือดที่หัวใจสูบฉีดเพิ่มขึ้น และความสามารถในการคิดภายใต้ความกดดันดีขึ้น

การผสานพลัง Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset

งานวิจัยล่าสุดของ David Yeager และคณะ (ตีพิมพ์ใน Nature ปี 2022) แสดงให้เห็นถึงพลังของการผสานสองแนวคิดนี้เข้าด้วยกัน การให้ความรู้เกี่ยวกับ Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset ผ่านบทเรียนสั้น ๆ เพียง 30 นาที สามารถลดความเครียดที่คาดการณ์ไว้ (anticipatory stress) เพิ่มความนับถือในตนเอง (self-regard) และเพิ่มอัตราการสอบผ่านในวิชาที่ท้าทายได้อย่างมีนัยสำคัญ นักเรียนที่ได้รับบทเรียนนี้ยังกล้าที่จะรับมือกับความท้าทายที่ยากขึ้นในอนาคตอีกด้วย

เครื่องมือปฏิบัติเพื่อสร้าง Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset

  1. ครูและนักเรียน (หรือตนเอง) ควรมี Mindset ทั้งสอง: การเรียนรู้และเข้าใจ Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset จะช่วยให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนมองเห็นศักยภาพในการพัฒนาที่ไม่จำกัด
  2. ให้คำชมที่เน้น 'กริยา' ไม่ใช่ 'คำคุณศัพท์': เมื่อทำผลงานได้ดี ให้ชมความพยายาม ความมุ่งมั่น การแก้ปัญหา ไม่ใช่ 'เธอฉลาด' หรือ 'เธอมีพรสวรรค์' เพราะคำชมประเภทหลังจะบั่นทอนประสิทธิภาพในอนาคตเมื่อเจอความท้าทาย
  3. วิเคราะห์ความผิดพลาดอย่างมีสติ: เมื่อทำผิดพลาด ให้ใช้ความสนใจไปที่ 'อะไร' ที่นำไปสู่ความผิดพลาดนั้น (กริยา) มากกว่าการจมอยู่กับอารมณ์ด้านลบ (คำคุณศัพท์) หากจำเป็น ให้เว้นระยะห่างจากอารมณ์เหล่านั้นก่อน แล้วค่อยกลับมาวิเคราะห์
  4. แสวงหาความช่วยเหลือจากผู้อื่น: การขอคำแนะนำจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะจากผู้ที่ทำได้ดีกว่า หรือแม้แต่ผู้ที่ทำได้ไม่ดีนัก เพื่อทำความเข้าใจถึงกระบวนการที่นำไปสู่ผลลัพธ์ต่าง ๆ จะช่วยเสริมสร้าง Mindset ของเรา
  5. เป็นครูให้กับตัวเอง: ลองเขียนจดหมายอธิบาย Growth Mindset และ Stress is Enhancing Mindset ให้กับ 'คนต่อไป' ที่กำลังพยายามพัฒนาทักษะนั้น ๆ การสอนผู้อื่น (แม้จะเป็นการสมมติ) จะช่วยตอกย้ำความเข้าใจและ Mindset ของเราเอง
  6. ปรับกรอบความคิดเกี่ยวกับ 'สมองเหมือนกล้ามเนื้อ': แอนดรูว์ ฮูเบอร์แมนเสนอว่า การเปรียบเทียบสมองเหมือนกล้ามเนื้ออาจไม่สมบูรณ์ เพราะเมื่อเราออกกำลังกาย เราจะรู้สึกถึง 'ปั๊ม' ของกล้ามเนื้อที่กำลังเติบโต แต่ในการเรียนรู้ ความเครียด ความหงุดหงิด หรือความรู้สึกไม่เข้าใจที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเรียนรู้ต่างหาก คือ 'ปั๊ม' ที่กำลังสร้างการเรียนรู้และพัฒนาในสมองของเรา

เนื้อหาของ Dr. Andrew Huberman มีความละเอียดสูงมาก และอ้างอิงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ การทำความเข้าใจและนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ จะช่วยให้คุณปลดล็อกศักยภาพและพัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อเจาะลึกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ หรืออ่านบทความเชิงลึกอื่น ๆ เพื่อการพัฒนาตนเองเพิ่มเติม