ปลดล็อกศักยภาพสมอง: เคล็ดลับจาก Dr. Mark D'Esposito ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา

วันนี้เรามาสรุปคลิปที่น่าสนใจจากช่อง Andrew Huberman ที่ได้เชิญ Dr. Mark D'Esposito ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและจิตวิทยาจาก University of California Berkeley มาพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานของสมอง, Executive Function, Working Memory และวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ซึ่งมีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่สนใจดูแลสุขภาพสมองและเพิ่มความสามารถในการคิดวิเคราะห์

ดูวิดีโอต้นฉบับบน YouTube

สารบัญวิดีโอ

ประเด็นสำคัญ

  • **Executive Function และ Working Memory คือพลังวิเศษของสมอง:** การวางแผน, จัดระเบียบ, ควบคุมพฤติกรรม, และการรักษาข้อมูลไว้ในใจชั่วคราวเป็นหัวใจสำคัญของการรับรู้และนำไปสู่การกระทำ
  • **โดปามีนมีบทบาทสำคัญ:** โดปามีนทำหน้าที่เป็นตัวปรับสัญญาณประสาทที่ช่วยให้ Working Memory ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การมีโดปามีนมากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็ส่งผลเสียได้ (เส้นโค้งตัว U คว่ำ)
  • **การบาดเจ็บที่สมอง (TBI) และ Concussion ส่งผลต่อ Frontal Lobe:** แม้การบาดเจ็บเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดอาการสมองล้าและปัญหา Executive Function ซึ่งมักถูกมองข้าม การนอนหลับ โภชนาการ และการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟู
  • **สมองมีความยืดหยุ่น (Neuroplasticity):** เราสามารถฝึกฝนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Prefrontal Cortex ได้ตลอดชีวิตผ่านการฝึกสติ, การออกกำลังกายแบบแอโรบิก, การอ่าน, และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  • **อนาคตของสุขภาพสมองอยู่ที่เครือข่าย:** การทำความเข้าใจว่าสมองทำงานเป็นเครือข่ายและมี 'Hub' สำคัญ (เช่น Frontal Lobe) ช่วยให้เราพัฒนากลยุทธ์การรักษาและปรับปรุงสุขภาพสมองได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ในพอดแคสต์ Huberman Lab ครั้งนี้ Andrew Huberman ได้ต้อนรับ Dr. Mark D'Esposito ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและจิตวิทยาจาก UC Berkeley มาเจาะลึกเรื่อง Executive Function และ Working Memory ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานของสมองมนุษย์ Dr. D'Esposito อธิบายว่า Executive Function คือความสามารถในการกำหนดและใช้กลยุทธ์การรับรู้ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจำเป็นต่อทุกแง่มุมของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ความสัมพันธ์ การทำงาน ไปจนถึงการเรียนรู้ และ Working Memory คือความสามารถในการเก็บข้อมูลไว้ในใจชั่วคราวเพื่อนำไปประมวลผล เช่น การจำเบอร์โทรศัพท์ก่อนกด หรือการคำนวณในใจ.

Frontal Lobe: CEO ของสมอง

Frontal Lobe โดยเฉพาะ Prefrontal Cortex ถือเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดของสมอง ทำหน้าที่เสมือน CEO หรือวาทยกรของวงออร์เคสตรา มันควบคุมการวางแผน จัดระเบียบ การเปลี่ยนความคิดเป็นการกระทำ และการควบคุมพฤติกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การตอบสนองอัตโนมัติ การทำงานของ Frontal Lobe จะพัฒนาเต็มที่ในช่วงวัย 20 ปีตอนต้น การทำงานของ Frontal Lobe ที่ไม่เหมาะสมอาจแสดงออกในรูปแบบที่ละเอียดอ่อน เช่น มีปัญหาในการจัดลำดับความสำคัญ วอกแวกง่าย หรือไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด การอดนอน หรือแม้แต่การสูงวัยตามปกติ

บทบาทของโดปามีนและสารสื่อประสาทอื่นๆ

โดปามีนเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่ช่วยให้ Working Memory ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง Dr. D'Esposito และทีมงานพบว่า การเพิ่มระดับโดปามีนในผู้ที่มีระดับโดปามีนต่ำจะช่วยปรับปรุง Working Memory ให้ดีขึ้น แต่การมีโดปามีนมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้ (ปรากฏการณ์เส้นโค้งตัว U คว่ำ) นอกจากโดปามีนแล้ว นอร์เอพิเนฟรินและอะเซทิลโคลีนก็มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการรับรู้ที่แตกต่างกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการบำบัดด้วยยาในอนาคตอาจต้องใช้ “ค็อกเทล” ของสารสื่อประสาทหลายชนิดที่ปรับให้เข้ากับเคมีสมองเฉพาะบุคคล

การบาดเจ็บที่สมอง (TBI) และ Concussion

การบาดเจ็บที่สมองหรือ Concussion เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด และมักถูกมองข้ามความรุนแรง การเคลื่อนไหวของสมองอย่างรุนแรงอาจทำให้ Axons (เส้นใยประสาท) ฉีกขาด ซึ่งส่งผลต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง Frontal Lobe เป็นบริเวณที่มักได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดอาการสมองล้า ปัญหา Executive Function และการนอนหลับที่ผิดปกติ Dr. D'Esposito เน้นย้ำว่า แม้การบาดเจ็บเล็กน้อยก็เป็นเรื่องจริงจังและต้องการการฟื้นฟูเช่นเดียวกับการบาดเจ็บทางกายภาพอื่นๆ

กลยุทธ์การดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพสมอง

เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและฟื้นฟูการทำงานของสมองได้หลายวิธี:

  • **การนอนหลับและโภชนาการ:** เป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพสมอง การอดนอนส่งผลกระทบอย่างมากต่อ Executive Function
  • **การออกกำลังกายแบบแอโรบิก:** มีผลดีต่อ Executive Function เทียบเท่ากับการบำบัดด้วยการรับรู้
  • **การฝึกสติ (Mindfulness):** ช่วยให้มีสมาธิและปรับปรุง Executive Function
  • **การฝึกสมอง (Brain Training):** โปรแกรมฝึกสมองที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองได้
  • **การเรียนรู้และกิจกรรมกระตุ้นสมอง:** การอ่านหนังสือ (โดยเฉพาะนิยาย), การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เช่น เล่นดนตรี หรือเล่นหมากรุก ช่วยรักษาวงจรประสาทให้ทำงานอยู่เสมอและส่งเสริม Neuroplasticity
  • **การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการโค้ช:** การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและการได้รับคำแนะนำจากโค้ชหรือผู้เชี่ยวชาญช่วยในการเรียนรู้และประยุกต์ใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ ในชีวิตจริง

อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

สำหรับโรคอัลไซเมอร์ แม้จะมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับคราบโปรตีนและพังผืดในสมอง แต่การรักษายังคงเป็นความท้าทาย ยาที่มีอยู่ส่วนใหญ่ช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น การสนับสนุนทางสังคมและการทำความเข้าใจอาการเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล สำหรับโรคพาร์กินสัน ซึ่งเกิดจากการขาดโดปามีน มีการรักษาด้วยยา L-DOPA และ Bromocriptine ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงอาการ.

อนาคตของประสาทวิทยา

Dr. D'Esposito ตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงในวงการประสาทวิทยาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจสมองในฐานะ “เครือข่ายขนาดใหญ่” มากกว่าการแยกส่วนศึกษาแต่ละบริเวณ การวัด “Modularity” หรือระดับการจัดระเบียบของเครือข่ายสมอง อาจกลายเป็นตัวชี้วัดสุขภาพสมองและทำนายการตอบสนองต่อการบำบัดได้ในอนาคต การมองสมองในฐานะ “คำกริยา” (การกระทำ) ไม่ใช่ “คำนาม” (โครงสร้าง) จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของสมองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เนื้อหาของ Dr. Mark D'Esposito และ Dr. Andrew Huberman มีความละเอียดและลึกซึ้งมาก การทำความเข้าใจหลักการเหล่านี้จะช่วยให้เราเป็นผู้สนับสนุนสุขภาพสมองของตนเองได้ดีขึ้น

ดูคลิปเต็มด้านบนเพื่อข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม และอย่าลืมติดตาม Huberman Lab สำหรับวิทยาศาสตร์และเครื่องมือที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตประจำวัน